“กรุงไทย” ชี้โอกาสลงทุนพันธบัตรระยะยาว แนะใช้ตลาดรองปรับพอร์ต

กรุงไทย


“กรุงไทย” มองตลาดการเงินโลกเริ่มผันผวนสูงขึ้นในครึ่งปีหลัง เป็นโอกาสเข้าลงทุนพันธบัตรระยะยาวอายุ 5-10 ปีที่ให้ผลตอบแทนสูง แนะใช้บริการตลาดรองปรับพอร์ตลงทุน

  • แนะลงทุนพันธบัตรระยะยาวอายุ 5-10 ปี
  • ที่ให้ผลตอบแทนสูง

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคาร กรุงไทย เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดการเงินโลกรวมถึงตลาดการเงินไทย มีความผันผวนค่อนข้างต่ำในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ส่วนครึ่งปีหลังนี้ ตลาดเริ่มมีความผันผวนสูงขึ้นมากจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง

รวมถึงนโยบายด้านการเงินจากธนาคารกลางญี่ปุ่นที่มีความตึงตัวมากกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้ทั้งตลาดหุ้น พันธบัตร และอัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนที่สูงขึ้น กรุงไทยมองว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในพันธบัตรระยะยาว เพื่อลดความความผันผวน และรับผลตอบแทนสูงในระยะยาว

โดยเฉพาะพันธบัตร อายุ 5 ปี และ 10 ปี เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำ สอดคล้องกับสถานการณ์ของตลาดในปัจจุบัน

นอกจากนี้ จากภาวะตลาดที่อยู่ในภาวะปิดความเสี่ยงมากขึ้นและเริ่มคาดการณ์กันว่า Fed อาจจะต้องลดดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้โอกาสการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนกันยายนค่อนข้างชัดเจน

รวมไปถึงการลดดอกเบี้ยในการประชุมที่เหลือของปีในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม มีความเป็นไปได้สูงมาก ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารกลางในทวีปเอเชียดำเนินนโยบายด้านการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นตาม และอาจส่งผลให้ค่าเงินบาทปรับตัวดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่ตลาดพันธบัตรทั่วโลก รวมทั้งไทยให้ผลผลตอบแทนดี

“ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ตลาดพันธบัตรไทยให้ผลตอบแทนสูงถึง 3.0% ทั้งที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิพันธบัตรรัฐบาลไปกว่า 48,000 ล้านบาท และขายสุทธิหุ้นไทยไปกว่า 119,000 ล้านบาท สะท้อนความแข็งแกร่งของการลงทุนพันธบัตรภายในประเทศ

โดยบรรดาข่าวร้ายในประเทศกระทบการลงทุนในตลาดหุ้นมากกว่าตลาดพันธบัตรอย่างชัดเจน อีกทั้ง ในระยะข้างหน้า มีแนวโน้มที่กระแสเงินทุนจะไหลกลับสู่เอเชีย”

  • เปิดขายบนวอลเล็ต สบม.

ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทย เตรียมเปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง บนวอลเล็ต สบม. บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง วงเงิน 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็น อายุ 5 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 3.00% ต่อปี และ อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่สูงสุด 3.40 % ต่อปี  ตั้งแต่วันที่ 13-31 สิงหาคม 2567 และร่วมจําหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์อีก 2 รุ่น คือ อายุ 5 ปี และ 10 ปี 

สำหรับบุคลลธรรมดา วงเงินรวม 25,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี และ 3.40% ต่อปีตามลำดับ เปิดจําหน่ายระหว่างวันที่ 19-21 สิงหาคม 2567 ส่วนวงเงินอีก 5,000 ล้านบาท เป็นรุ่นอายุ 10 ปี

สำหรับนิติบุคคลไม่แสวงหากำไร (สภากาชาดไทย มูลนิธิ สมาคม สหกรณ์ วัด สถานศึกษาของรัฐ โรงพยาบาลของรัฐ และองค์กรอื่นที่ไม่แสวงหากําไร) อัตราดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี เปิดจําหน่ายระหว่าง วันที่ 26-27 สิงหาคม 2567

นอกจากนี้ ธนาคารกรุงไทยยังให้บริการตลาดรอง สำหรับรับซื้อและขายพันธบัตรและหุ้นกู้ ก่อนครบกำหนด เพื่อเสริมสภาพคล่อง และเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนปรับพอร์ตตราสารหนี้ให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด โดยสามารถตรวจสอบรุ่น ราคารับซื้อ และทำรายการได้ตลอด 7 วัน 24 ช.ม.

ผ่านบริการ Money Connect บนแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT สำหรับพันธบัตรออมทรัพย์ และหุ้นกู้ทั่วไป ส่วนพันธบัตรออมทรัพย์หรือหุ้นกู้รุ่นวอลเล็ตสามารถทำรายการผ่านแอปฯ เป๋าตังได้

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือ Krungthai Contact  Center โทร 02-111-1111

  • จับตาการลดดดอกเบี้ยโลก

ด้านนายสงวน จุงสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ผู้บริหารฝ่าย Investment market Research สายธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคาร กรุงไทย กล่าวถึงการปรับลดดอกเบี้ยว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่เป็นผลพวงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโลก

ทั้งธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางแคนาดา รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งเป็นที่จับตาว่า จะลดดอกเบี้ยในลำดับต่อไป จะทำให้ตลาดพันธบัตรอายุยาวๆ ได้รับประโยชน์ เพราะอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yiled Curve) ยังมีความชันหลงเหลืออยู่ เช่น ปีนี้พันธบัตรไทยอายุเฉลี่ย 8.5ปี ให้ผลตอบแทนประมาณ 3.00%

ดังนั้น ท่ามกลางบรรยากาศผ่อนคลายแบบนี้ “พันธบัตร”จึงเป็นสินทรัพย์ที่น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี และถ้าใครที่ถือพันธบัตรอยู่ก็ยังสามารถถือต่อได้อีกถึงต้นปีหน้า ทั้งพันธบัตรไทยและทั่วโลก ซึ่งกระทรวงการคลังจะจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ภายในเดือนสิงหาคมนี้

ส่วนตัวคาดว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจอย่างมากและอาจจะมากกว่ารอบก่อนๆที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเพราะทิศทางดอกเบี้ยที่ชัดเจนว่า จะปรับลดและผลตอบแทนที่ดี

“นักลงทุนอาจจะลดพอร์ตลงไปก่อน หลังจากตลาดหุ้นผันผวน แต่พันธบัตรเป็นคำตอบ ซึ่งนักลงทุนจะมองอัตราดอกเบี้ยไทยอาจจะไม่สูงแต่อัตราเงินเฟ้อต่ำ แสดงว่าสินทรัพย์ไทยยังมีมูลค่าที่ดีอยู่ มีโอกาสที่นักลงทุนต่างประเทศจะเข้ามา

ซึ่งช่วงเดือน 7-8 ก็เริ่มเห็นนักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อสุทธิบอนด์ไทยแล้ว ผู้ฝากเงินส่วนหนึ่งอาจจะสลับย้ายเงินฝากลงในพันธบัตรรัฐบาลหรือกองทุนรวมตราสารหนี้บ้าง เพื่อผลตอบแทน แม้ส่วนใหญ่ต้องการความเสถียรในเงินฝากก็ตาม” นายสงวนกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: หุ้นกู้ VSK – EASTW ความเหมือนที่แตกต่าง!

: ธนาคารกรุงไทย