แอร์เอเชีย แจ้งปรับปรุงระบบสำรองที่นั่งชั่วคราว 7-8 ส.ค.นี้ แนะผู้โดยสารเช็กอินด้วยตนเองล่วงหน้า 14 วัน เผื่อเวลามาที่สนามบินล่วงหน้า หลีกเลี่ยงความไม่สะดวกที่อาจจะเกิดขึ้น
- เช็กอินด้วยตนเองล่วงหน้า 14 วัน
- เผื่อเวลามาที่สนามบินล่วงหน้า
วันที่ 4 สิงหาคม 2567 รายงานจาก สายการบินไทยแอร์เอเชีย ระบุว่า สายการบินไทยแอร์เอเชีย เรียนแจ้ง ขอพัฒนาระบบการจองและระบบประมวลผลผู้โดยสาร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสำรองที่นั่งและบริการผู้โดยสารให้ดียิ่งขึ้น โดยจะปรับปรุงระบบตั้งแต่เวลา 16.00 น.ของวันพุธที่ 7 สิงหาคม 2567 ถึงเวลา 02.00 น. (เวลาประเทศไทย) ของวันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม 2567
ดังนั้นในช่วงเวลานี้ ทางสายการบินขอแนะนำให้ผู้โดยสารทุกท่านทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สะดวกที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนี้
1. เช็กอินด้วยตนเองล่วงหน้า 14 วัน: ผู้โดยสารทุกท่าน รวมถึงผู้ที่สำรองที่นั่งเป็นกลุ่ม และผู้ที่มีการสำรองที่นั่งแบบต่อเที่ยวบิน ในวันที่ 7 ถึง 8 สิงหาคม 2567 ขอแนะนำให้เช็กอินด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน AirAsia MOVE (เดิมชื่อ airasia Superapp)
ซึ่งพร้อมให้บริการแล้วหรือ สามารถเช็กอินผ่านแอป 14 วันล่วงหน้าก่อนวันเดินทาง
2. เผื่อเวลามาที่สนามบินล่วงหน้า: ผู้โดยสารทุกท่าน โดยเฉพาะผู้ที่จองเป็นกลุ่ม ผู้มีข้อจำกัดด้านการเคลื่อนไหว และผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ จะต้องมาถึงสนามบินอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนเวลาออกเดินทางที่กำหนด ผ่านกระบวนการการเดินทางทั้งหมด ได้แก่ การเช็กอินที่เคาน์เตอร์และตู้คิออส รวมถึงการโหลดสัมภาระ
3. ใช้บัตรโดยสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Boarding pass): ดาวน์โหลดบัตรโดยสารรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์จากแอปพลิเคชัน AirAsia MOVE และบันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อประสบการณ์การขึ้นเครื่องที่ราบรื่นยิ่งขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องพิมพ์ซ้ำที่สนามบิน
4. อัปเดตรายละเอียดการติดต่อ: ผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบจะได้รับแจ้งเตือนผ่านทางอีเมล และข้อความ SMS กรุณาตรวจสอบให้แน่ใจว่ารายละเอียดการติดต่อของคุณเป็นข้อมูลล่าสุด เพื่อรับการแจ้งเตือนล่าสุดเกี่ยวกับสถานะเที่ยวบินแอร์เอเชีย
สำหรับการดำเนินการที่ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงระบบ ได้แก่ การจองเที่ยวบิน การจัดการการจอง การเช็กอิน การจองเที่ยวบิน+โรงแรม การแลกคะแนน AirAsia Rewards ช่องทางการชำระเงินสำหรับการจองที่มีอยู่ และการซื้อบริการเสริม
รวมถึงการซื้อของปลอดภาษีออนไลน์ จะไม่สามารถใช้งานได้ในช่วงเวลานี้
อย่างไรก็ตาม บริการสำรองสินค้าอื่นๆ ทั้งหมดในแอป AirAsia MOVE และ airasia.com เช่น บริการที่ไม่เกี่ยวข้องกับเที่ยวบินของแอร์เอเชีย จะไม่ได้รับผลกระทบ
- รับเครื่องใหม่ป้ายแดง A321neo
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ไทยแอร์เอเชียรับมอบเครื่องบินใหม่ป้ายแดง “Airbus A321neo” ความจุ 236 ที่นั่ง เพิ่มอีก 2 ลำเมื่อเดือน ก.ค. ทำให้ปัจจุบันมีเครื่องบินรุ่นนี้รวม 4 ลำ และเตรียมรับเพิ่มอีก 1 ลำภายในปี 2567
เท่ากับว่า ณ สิ้นปีนี้จะมีเครื่องบินรุ่นนี้รวม 5 ลำ เพื่อนำมารองรับการขยายตัวของผู้โดยสารช่วงไฮซีซันตั้งแต่ไตรมาส 4/2567 ถึงไตรมาส 1/2568
สำหรับ Airbus A321neo ถือเป็นเครื่องบินที่มีลำตัวยาวที่สุดในฝูงบินลำตัวแคบของตระกูล Airbus A320 ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิงของ A321neo
สอดคล้องกับเป้าหมายของกลุ่มแอร์เอเชีย ในการลดต้นทุนดำเนินงาน ความเอนกประสงค์ ของเครื่องบินนี้ทำให้สามารถลงจอดที่สนามบินขนาดเล็ก ให้บริการสู่เมืองรองได้ และขยายการดำเนินงานด้วยต้นทุนที่ประหยัดขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับเครื่องบินลำตัวกว้าง
ในสิ้นปีนี้ไทยแอร์เอเชีย จะมีฝูงบินทั้งหมด 60 ลำ โดยตามเป้าหมายจะขยายฝูงบินเพิ่ม 4-5 ลำต่อปี ส่วนใหญ่เป็นเครื่องบินรุ่น Airbus A321neo ขึ้นกับแผนขยายเส้นทางบินในอนาคต ซึ่งอาจจะมี Airbus A321XLRs ที่ทำการบินระยะกลาง 5-6 ชั่วโมงได้
สามารถเจาะบางตลาด เช่น ตะวันออกกลาง โดยในอีก 5 ปีข้างหน้า ตั้งแต่ปี 2568-2572 ไทยแอร์เอเชียตั้งเป้ารับมอบเครื่องบินเพิ่มอีก 25-30 ลำ แต่ระหว่างนั้นมีคืนเครื่องบินบางส่วนเมื่อครบสัญญาเช่าเช่นกัน
“ในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า ธุรกิจการบินของประเทศไทยน่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดด ช่วยหนุนภาคการท่องเที่ยวกระจายรายได้แก่เศรษฐกิจไทยอย่างทั่วถึง”
- สยายปีกสู่ 300 ลำใน 5 ปี
ด้านโบ ลินกัม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแอร์เอเชียเอวิเอชั่น กล่าวว่า ภาพรวมแผนขยายฝูงบินของกลุ่มแอร์เอเชีย ซึ่งประกอบด้วย แอร์เอเชีย มาเลเซีย, ไทยแอร์เอเชีย, แอร์เอเชีย อินโดนีเซีย, แอร์เอเชีย ฟิลิปปินส์ และแอร์เอเชีย กัมพูชา จะมีฝูงบินมากกว่า 300 ลำภายใน 5 ปีข้างหน้า
ซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารกว่า 100 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบันมีฝูงบินให้บริการ 221 ลำ การเติบโตนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้น “ยุคใหม่” ของแอร์เอเชีย! ในฐานะผู้ให้บริการสายการบินราคาประหยัดซึ่งมีเป้าหมายเชื่อมโยงอาเซียนกับทั่วโลก
สำหรับ ครึ่งแรกของปี 2567 แอร์เอเชียได้เปิดเส้นทางบินใหม่ 20 เส้นทางทั่วกลุ่ม โดยให้บริการกว่า 130 จุดหมายปลายทาง รองรับผู้โดยสารกว่า 31 ล้านคน และรักษาอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ไว้ได้ที่ระดับ 90%
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นที่แข็งแกร่งของสายการบิน ที่สำคัญ AirAsia ยังได้เปิดตัวสายการบินใหม่ในกัมพูชาและได้รับรางวัลสายการบินโลว์คอสต์ที่ดีที่สุดในโลกจาก Skytrax เป็นครั้งที่ 15
- เปิดบินตรงจากฮับภูเก็ต -เชนไน-โกลกาตา
นอกจากนี้ แอร์เอเชียเดินหน้าเปิดเส้นทางบินตรง สู่เมืองใหญ่ในอินเดียต่อเนื่อง โดยนายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า แอร์เอเชียรอเวลาที่จะขยายเส้นทางบินสู่เมืองใหญ่
หรือเมโทรซิตี้ของประเทศอินเดียมานาน ซึ่งการที่รัฐบาลไทยสามารถเจรจาเพิ่มสิทธิการบินได้นั้น
ทำให้แอร์เอเชีย พร้อมที่จะขยายเส้นทางเชื่อมโยงสู่อินเดียทันที โดยเส้นทางบินตรงจากฐานปฏิบัติการภูเก็ตนี้ จะช่วยขยายเครือข่ายการบินของแอร์เอเชียไปยังจังหวัดใหญ่อื่นๆ นอกเหนือจากกรุงเทพเช่นเดียวกัน
สำหรับเกาะภูเก็ต จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกรวมถึงชาวไทยด้วยเช่นเดียวกัน ภูเก็ตทะเลที่สวยงาม หาดทรายชาว
“การเชื่อมโยงเมืองใหญ่ของทั้ง 2 ประเทศ ให้เกิดการเดินทางไปมาระหว่างกันได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว การทำธุรกิจ รวมถึงทำให้เศรษฐกิจของทั้ง 2 เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
เชื่อว่าเส้นทางบินนี้จะตอบโจทย์ชาวอินเดีย ชาวต่างชาติที่อยู่ในเมืองไทย รวมถึงชาวไทย ที่มีความต้องการเดินทางไปมาเชื่อมโยอินเดียสู่เมืองไทยได้เป็นอย่างดี”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : แอร์เอเชีย ดันภูเก็ตฮับบินรุกอินเดียเปิดใหม่ 2 เมือง 27 ต.ค.67