“เศรษฐา” ชี้แจงโครงการแลนด์บริดจ์ พัฒนาศักยภาพการผลิตของไทย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

“เศรษฐา” ชี้แจงโครงการแลนด์บริดจ์ พัฒนาศักยภาพการผลิตของไทย ปัญหาจากช่องแคบมะละกา ประโยชน์จากความเป็นกลางของไทย เพื่อความมั่นคงของชาติ

  • หลายสินค้าที่ผลิตในไทยจะถูกส่งไปขายทั่วโลก
  • ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน

วันนี้ (4 มกราคม 2567)   นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยนายกรัฐมนตรีชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Landbridge ว่า การขยายความเกี่ยวกับโครงการ Landbridge เป็นประเด็นที่เกิดขึ้นจากประเทศไทยเป็นศูนย์กลางผลิตสินค้าหลายชนิด มีความพร้อมทั้งด้านโครงสร้าง สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งสร้างสมัยนายกรัฐมนตรีทักษิณ ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง มี โครงสร้างพื้นฐานทำให้ไทยอยู่บนหมุดหมายสำคัญของการผลิต ทั้งนี้ ไทยมีประชากร 70 ล้านคน หลายสินค้าที่ผลิตในไทยจะถูกส่งไปขายทั่วโลก

ปัจจุบันช่องแคบมะละกา แออัด และเกิดอุบัติเหตุ ทำให้การเข้าคิวผ่านช่องแคบกินเวลาเยอะ ปริมาณสินค้าที่จะใช้เส้นทางเดินเรื่อเพิ่มขึ้น ช่องแคบมะละกาไม่สามารถบริหารได้ โครงการ แลนด์บริดจ์ เป็นการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของไทย ด้วยการขนส่งน้ำมัน 60 เปอร์เซ็นต์จากทั่วโลก ขนส่งผ่านช่องแคบมะละกา หากช่องแคบ คับแคบ การขนถ่ายสินค้ามีปัญหา จะทำให้เกิดปัญหา

รัฐบาลคิดทำโครงการแลนด์บริดจ์ ด้วยการตระหนักถึง ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ไทยได้เปรียบจากการดำเนินนโยบายด้วยความเป็นกลางของไทย เชื่อมต่อโลก ไทยไม่มีปัญหากับประเทศใด ทำให้เป็นจุดขนถ่ายสินค้าได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ดี รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเสียงของประชาชนในพื้นที่ พร้อมรับฟังทั้งฝ่ายค้าน ภาคประชาสังคม ประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งนักธุรกิจ เพื่อมั่นใจว่าโครงการนี้จะเป็นเมกะโปรเจกต์ ที่มีประโยชน์กับประเทศ และมีความสำคัญต่อโลก นอกจากนั้น ทำให้หลายๆ ประเทศ อาทิ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีความมั่นคงทางพลังงานสูงมาก อยากมาลงทุน อยากมาสร้างโรงกลั่น ซึ่งจะทำให้ไทยมีความมั่นคงทางพลังงานนอกจากความมั่นคงทางอาหาร ทำให้ไทยมีความพร้อมมากขึ้น ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน