มท.1มอบรางวัล“จังหวัดสะอาด”ระดับประเทศ”ลำพูน”คว้าชนะเลิศภาคเหนือ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย


“อนุทิน”มอบรางวัลจัดการขยะมูลฝอยชุมชน “จังหวัดสะอาด” ระดับประเทศ ประจำปี 2566 ยกย่อง 20 จังหวัดต้นแบบการจัดการขยะที่เป็นเลิศ

  • อาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลกดีเด่นแห่งชาติ
  • ประเภทหนูน้อยรักษ์โลก รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ เด็กหญิงชนม์นิภา มาลาเวียง
  • ประเภทเยาวชน รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นางสาวณัฐณิชา ศรีอุดร
  • ประเภทบุคคลทั่วไป รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นายสายัณห์ รุ่งเรือง

วันนี้ (24 พ.ย. 66) ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานมอบรางวัลการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน “จังหวัดสะอาด” ประจำปี พ.ศ. 2566 และรางวัลอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2566 โดยนายอนุทินกล่าวว่า การจัดการขยะมูลฝอย เป็นหน้าที่ของทุกคนและทุกหน่วยงานที่ต้องบูรณาการร่วมมือกันตั้งแต่ครัวเรือนไปสู่ชุมชนจนถึงระดับประเทศ และขอชื่นชมกับความสำเร็จของจังหวัดที่ได้รับรางวัลในวันนี้ แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงความจริงจังในการจัดการปัญหาขยะของทุกจังหวัด

นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน รางวัลชนะเลิศ จังหวัดสะอาด กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ

“ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้นำแนวทางการบริหารจัดการนี้ ไปปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในด้านอื่น ๆ รณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ ความตระหนักในการจัดการขยะที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ตั้งแต่ระดับต้นทาง กลางทาง และปลายทาง สร้างบ้านเมืองที่สะอาด สวยงาม สร้างความเข้มแข็งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำบริการสาธารณะตามอำนาจหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อแสดงความมุ่งมั่นที่ประเทศไทยจะปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ คือ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 40% ภายในปี 2030 มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065” นายอนุทินฯ กล่าวเพิ่มเติม

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำ “แผนปฏิบัติการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน “จังหวัดสะอาด” ประจำปี พ.ศ. 2560 และต่อเนื่องมาจนถึงปีปัจจุบัน พ.ศ. 2566 เพื่อให้จังหวัดดำเนินการขับเคลื่อนผ่านกลไกความร่วมมือจากทุกภาคส่วน คือ ภาครัฐ ภาคศาสนา ภาควิชาการ ภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคสื่อสารมวลชน ตั้งแต่ระดับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหมู่บ้าน/ชุมชน โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ต้นทาง คือ การลดปริมาณขยะและการส่งเสริมการคัดแยกขยะมูลฝอย ณ แหล่งกำเนิด กลางทาง คือ การเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บและขนขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพ และปลายทาง คือ ขยะมูลฝอยได้รับการกำจัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ

รางวัลประเภทหนูน้อยรักษ์โลก รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ เด็กหญิงชนม์นิภา มาลาเวียง

“สำหรับในปี พ.ศ. 2566 ได้กำหนดเป้าหมายของแผนปฏิบัติการดังกล่าว ให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมดังต่อไปนี้ คือ “ระยะต้นทาง” ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่งเสริมทุกครัวเรือนเข้าร่วมเครือข่าย “อาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก” (อถล.) จัดกิจกรรมส่งเสริมการนำ “ขยะบรรจุภัณฑ์” กลับมาใช้ใหม่ จัดทำถังขยะเปียก ลดโลกร้อน และสุ่มตรวจสอบการดำเนินงาน “ระยะกลางทาง” ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดให้มีภาชนะรองรับขยะมูลฝอยแบบแยกประเภทในที่สาธารณะ

และ/หรือสถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่ง มีการจัดเก็บขนขยะมูลฝอยแยกประเภท ขนของเสียอันตรายชุมชนไปยังจุดรวบรวมของเสียอันตรายของจังหวัด และหมู่บ้าน/ชุมชน มีการติดตั้งถังขยะ หรือจุดรวบรวมมูลฝอยติดเชื้อชุมชน “ระยะปลายทาง” ส่งเสริมสนับสนุนให้ขยะมูลฝอยชุมชนได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง โดยการรวมกลุ่มพื้นที่การจัดการมูลฝอย (Clusters) และให้มีการขนขยะไปยังเจ้าภาพของกลุ่มพื้นที่ สำหรับของเสียอันตรายชุมชนและมูลฝอยติดเชื้อชุมชนให้ได้รับการกำจัดอย่างถูกต้อง” นายสุทธิพงษ์กล่าว

สำหรับผลการคัดเลือกจังหวัดที่มีการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน “จังหวัดสะอาด” ระดับประเทศ ประจำปี 2566 แบ่งเป็น 5 กลุ่มจังหวัด ดังนี้

1) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ จังหวัดลำพูน รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ จังหวัดลำปาง รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 ได้แก่ จังหวัดพิจิตร

2) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ จังหวัดยโสธร รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 ได้แก่ จังหวัดสกลนคร

3) กลุ่มจังหวัดภาคกลางและภาคตะวันตก รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ จังหวัดสิงห์บุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ จังหวัดสระบุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 ได้แก่ จังหวัดสมุทรสงคราม

4) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ จังหวัดตราด รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 ได้แก่ จังหวัดระยอง

5) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ จังหวัดสตูล รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ จังหวัดยะลา รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ จังหวัดตรัง รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 ได้แก่ จังหวัดระนอง

สำหรับอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลกดีเด่น แห่งชาติ มีดังนี้

1) ประเภทหนูน้อยรักษ์โลก รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ เด็กหญิงชนม์นิภา มาลาเวียง รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ เด็กหญิงปวีณ์ธิดา ทนทอง รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ เด็กหญิงกวินตรา จันทร์ทอง รางวัลชมเชย ได้แก่ เด็กชายศิริพงษ์ โพธิ์นาค และเด็กชายเขมทัต สุวรรณมณี

2) ประเภทเยาวชน รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นางสาวณัฐณิชา ศรีอุดร รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ นางสาวพีรดา ภาสุวรรณ รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ นางสาวอรวรรณ แสงแก้ว รางวัลชมเชย ได้แก่ นางสาวจารุณี ภาพเพียร และนางสาวกัลยาวดี ปัญญะ

3) ประเภทบุคคลทั่วไป รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นายสายัณห์ รุ่งเรือง รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ นางสาววรดา สอนซ้าย รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ นายปักรูเด็น มิง รางวัลชมเชย ได้แก่ นางสาวศิริรัตน์ เรืองสวัสดิ์ และนายสมเกียรติ สันเทพ