ความสุขเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของคนไทย

คอลัมน์คุณย่าขาซิ่ง พบกันทุกวันเสาร์ เวลา 10.00น.

ความสุขเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของคนไทย  : โดย“คุณหลานขาแว๊น” มารับหน้าที่แทน “คุณย่าขาซิ่ง”ถ่ายทอดประสบการณ์ขึ้นเหนือ ลงใต้ แวะไปอีสานมา

สัปดาห์นี้ “คุณย่าขาซิ่ง” บินไกลลัดฟ้าไปต่างแดน “คุณหลานขาแว๊น” ขอรับอาสาทำหน้าที่แทน 1ตอน

หลังจากที่ “คุณหลานขาแว๊น” ขึ้นเหนือ ล่องใต้ แวะไปอีสานมา ไม่ว่าที่ไหน ทักทาย ถามไถ่ชาวบ้าน จับเนื้อต้องตัวก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบปานข้าวเกรียบว่าวกันถ้วนหน้า เปราะบางมาก ในยามนี้เศรษฐกิจระดับล่างเป็นลูกโป่งที่ใกล้ระเบิดเต็มทน เป็น “กบ” ที่อยู่ในหม้อต้มค่อยๆถูกทำให้ตายอย่างเลือดเย็น เหมือนที่เขาว่ากัน

กบบางตัวมีประสบการณ์ พอมองสถานการณ์ออก กระโดดลงจากหม้อต้ม กระแทกพื้นดังอั๊ก!จุกอก ไส้เกือบแตก ตับเกือบปลิ้น ดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อให้อยู่รอด สุดท้ายจากกบในหม้อต้ม ก็กลายเป็นกบตากแห้ง นอนตายริมถนน ไม่มีคนเหลียวแลอยู่ดี

กับสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ สถานการณ์ที่คนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วพบกับความว่างเปล่า เปรียบเปรยดั่งเอื้อมมือคว้าเงาจันทร์ แล้วจึงได้รู้ความจริง ว่า ความงามเป็นแค่ภาพลวงตา ไขว่คว้าจับต้องไม่ได้ ข้าวปลาคือของจริง จับต้องได้ แต่ไม่มีจะให้จับต้อง ไม่มีกินกันแล้ว

วันก่อนซิ่งขึ้นเหนือไปพะเยากับครม.สัญจร เศรษฐกิจก็เงียบสงัด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯหน้ามนคนพะเยา ถึงขั้นขอสนามบินที่อ.ดอกคำใต้ กันเลยทีเดียว หวังให้จ.พะเยามีนักท่่่่องเที่ยวเข้าพื้นที่กันมากขึ้น เพราะพะเยาเงียบเหงามานาน แม้สนามบินยังไม่มา เพราะครม.ให้กระทรวงคมนาคมศึกษาความเป็นไปได้ก่อน แต่ที่ทางแถวนั้นราคาก็ขยับขึ้น ใครเป็นเจ้าของก็โชคดีไป

ก่อนหน้านั้น “คุณหลานขาแว๊น” ลงจังหวัดชายแดนใต้ไปงานส่งเสริมการท่องเที่ยวกับท่านนายกฯ  พบว่าคนในพื้นที่ก็อยากให้มีนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่กันมากๆ มีสถานที่น่าเที่ยวเต็มไปหมด หลายคนยังไม่เคยได้สัมผัส เพราะติดขัดอยู่ในใจเรื่องความปลอดภัย นายกฯก็เลยจัดให้ลงพื้นที่ 3วันเต็มๆไปท่องเที่ยวตามจุดต่างๆของ 3 จังหวัด

“คุณหลานขาแว๊น” ตื่นเช้า ไปชมพระอาทิตย์ขึ้น ดูทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ที่เบตง จังหวัดยะลา งดงามประดุจอยู่ในเมืองสวรรค์ชั้นฟ้า หลายคนยังไม่เคยไป ลองไปดูแล้วจะรู้ว่าสวยจริงๆ เปรียบเป็นคนก็ระดับ “แอนโทเนีย โพซิ้ว” งามระดับอินเตอร์แบบหาที่ติไม่ได้

นายกฯเศรษฐาบอกว่าอยากเห็นเศรษฐกิจชายแดนใต้ดีขึ้น ผู้คนมีรายได้ ทำมาหากิน ใช้เศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคง จะได้ลดเรื่องเหตุร้ายลง แต่คล้อยหลังไม่กี่วัน ก็เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบตามมา เผาไหม้บรรยากาศและการเรียกความเชื่อมั่นให้กลายเป็นเถ้าถ่านภายในพริบตา

พอแว๊นไปอีสาน จ.ศรีสะเกษ กับมท.1 และทีมรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย โดยมี “ไตรศุลี ไตรสรณกุล” เลขานุการมท.1และโฆษกมท.1 เป็นเจ้าบ้านให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ได้คุยกับผู้คนในพื้นที่ ก็อยากให้ผู้นำของไทย คุยกับ ผู้นำกัมพูชา ผ่อนปรนจุดผ่านแดนขึ้นเขาพระวิหาร ทางฝั่งไทย ที่ผามออีแดง ปัจจุบันมีแค่รั้วเหล็กโทรมๆกั้นไว้เท่านั้น

ชาวบ้านหวังกันไว้มากว่าจะได้เห็นเศรษฐกิจของคนศรีสะเกษ กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังเปิดจุดผ่อนปรน และท่าน “อนุพงศ์ สุขสมนิตย์” ผู้ว่าราชการจ.ศรีสะเกษเองได้ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าศรีสะเกษเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้วในระดับพื้นที่ รอแค่ระดับบนคุยกันและฟันธงชัวะๆ เปิดไฟเขียวเท่านั้น

คนศรีสะเกษดิ้นรนกันจนจะกลายเป็นศรีสะกรอบไปหมดแล้ว ทุนรอนที่ลงไป กู้หนี้ยืมสินมาทำที่พัก มาเปิดร้านขายของ ค่อยๆจมดิ่งลึกลงไปใต้มหาสมุทร ความหวังริบหรี่ ไม่มีข่าวดี ที่จะมาทำให้กระชุ่มกระชวย นายกฯไทยพบนายกฯกัมพูชาก็แล้ว ฝ่ายกัมพูชาบอกว่า ตอนนี้เขาพระวิหารเสื่อมโทรมไปมากเพราะไม่ได้รับการดูแล จึงไม่อยากเปิดจุดผ่อนปรน

แต่ลึกๆแล้วน่าจะเป็นเรื่องการเมืองในกัมพูชาเองมากกว่า ที่ไม่อยากให้มีการจุดกระแส เพิ่มแรงกระเพื่อมทางการเมือง จึงไม่อยากแตะเรื่องนี้

ขนาดหัวหน้าพรรคเพื่อไทย “อุ๊งอิ๊งค์” ลูกสาวอดีตนายกฯทักษิณ หลานรักไปพบลุงตามคำเชิญ “สมเด็จฮุนเซน” ประธานองคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา รวมทั้งพบกับ “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน ก็ไม่เห็นว่าจะมีข่าวดีให้คนศรีสะเกษ หรือคนไทยมีความหวังขึ้นมาเลยสักนิด มีแต่การสร้างความสัมพันธ์ของพรรคการเมือง

โถ…คุยกันเรื่องนี้สักนิดก็ยังดี ไหนๆสส.ในพื้นที่ก็คนของพรรคเพื่อไทยนะครับ

เวลาที่ล่วงเลยไป ความหวังที่ค่อยๆจางเลือน คำพูดหาเสียงที่กลายเป็นแค่คำโฆษณาชวนเชื่อ  “ราคาที่ต้องจ่าย” จากการตระบัดสัตย์ จะเอาผลงานมากู้ศรัทธาคืน เป็นเพียงวาทกรรม ที่ยังไม่เห็นอะไรเป็นรูปธรรม

พอไม่มีผลงานที่จับต้องได้ ก็โยนอุจจาระว่ารัฐบาลมีผลงานเป็นรูปธรรม แต่สื่อมีอคติ ไม่นำเสนอสิ่งดีๆ ถึงขั้นติวเข้มทีมโฆษกรัฐบาล บอกว่าต้องทำงานเชิงรุก ถ้าคนในรัฐบาลอ่านมาถึงบรรทัดนี้ และคิดว่ารัฐบาลมีผลงานเป็นรูปธรรมจริงดังว่า ส่งผลงานเข้ามาเลยครับ ให้พื้นที่ 2หน้ากระดาษเอ4 โดยจะไม่ตัดทอนสักคำ ที่อีเมล์ [email protected] ยินดีเป็นสื่อกลางนำเสนอให้ประชาชนรับทราบ

จวบจนป่านนี้ รายได้ชาวบ้านก็หดหาย ธุรกิจซบเซา เพราะผู้คนไม่มีกำลังซื้อ รัดเข็มขัดกันเอวกิ่วจนใกล้จะเอวขาดกันหมดแล้ว รายจ่ายก็พุ่งเอาๆ กำเงิน 100 บาทแน่นๆ เข้าร้านขายอาหารตามสั่งข้างทาง ไม่กล้าสั่งน้ำ เพราะไม่แน่ใจว่าคิดเงินมาแล้วจะพอจ่ายหรือไม่

พอหันไปดูการทำงานของฝ่ายค้าน ก็เห็นได้ชัดว่า ไม่ต้องก้าวไปไหนไกลหรอก แค่ก้าวให้พ้นจากการเล่มเกมการเมืองแบบไร้วุฒิภาวะ ทั้งทางวาจา ประดิษฐ์คำพูด ให้ร้ายหรือดูรุนแรงเกินจริง ยียวนกวนประสาทด้วยสำบัดสำนวนของสส.ในพรรคบางคน รวมไปถึงท่าทางลีลา  “การเต้นกระดี๊กระด๊า” ที่เห็นความทุกข์ของชาวบ้านเป็นเรื่องสนุก แล้วมาแก้ตัวทีหลังว่า เห็นฝ่ายรัฐบาลดิ้นกันมากกับงบทำฝาย เลยเต้นล้อเลียน มันใช่เหรอ การนำเสนอข้อมูลบางคนบางเรื่องมันดีมากๆ แต่มาตรฐานถูกจัดการด้วยอารมณ์แบบนี้ ภาพจำก็เปลี่ยนไป

ท้ายสุดและสุดท้ายแล้ว “อัตตา หิ อัตตโน นาโถ” ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ท่องไว้ ให้ขึ้นใจ เพราะดูจะฝากความหวังไว้ที่ใครไม่ได้ นอกจากดูแลตัวเองกันดีๆ แล้วมีความสุขกับทีมฟุตบอลไทย ที่นัดแรกเสมอเกาหลีใต้มา 1:1 พบกันอีกครั้งที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 26 มี.ค.นี้ ทางไทยรัฐทีวีช่อง 32 เวลา 19.30 น.

ความสุขเดียวที่เหลืออยู่ คนไทยมีราคาที่ต้องจ่ายให้การเมืองกันไปมากแล้ว หยุดจ่ายแล้วหันมาใส่ใจตัวเองให้มาก หาความสุขที่จับต้องได้และมีความหวัง แม้จะดูยากลำบาก และต้องฝ่าอีกหลายด่านกว่าที่บอลไทยจะได้ไปบอลโลก

แต่นั่นก็เห็นชัดว่า นักเตะไทยทุ่มเท วิ่งไล่สุดชีวิต เพื่อสร้างความสุขให้คนไทย ขอบคุณนักฟุตบอล โค้ช และทีมงานทุกคน ขอคารวะจากหัวใจ

คุณหลานขาแว๊น