สทนช. แจงสถานการณ์ลุ่มน้ำปิง วัง ยม น่าน เร่งลดผลกระทบทุกพื้นที่ให้มากสุด

สทนช.


สทนช. แจงสถานการณ์ลุ่มน้ำปิง วัง ยม น่าน เน้นบริหารจัดการน้ำในภาพรวมลุ่มน้ำทั้งหมด ลดผลกระทบทุกพื้นที่ให้ได้มากที่สุด พร้อมคาดการณ์อุทกภัยจากฝนตกหนักสะสมล่วงหน้า 3 วัน และแจ้งเตือนน้ำทะเลหนุนสูง โดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับมือแล้ว

  • ลดผลกระทบทุกพื้นที่ให้ได้มากที่สุด
  • คาดการณ์อุทกภัย
  • จากฝนตกหนักสะสมล่วงหน้า 3 วัน

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า จากการติดตามข้อมูลคาดการณ์สภาพอากาศในระยะนี้ พบว่า ช่วงวันที่ 27 – 29 ก.ย. 67 บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง จากนั้นในช่วงวันที่ 30 ก.ย. – 1 ต.ค. 67

ประกอบด้วย บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนัก

นอกจากนี้ ยังมีลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยจะมีฝนตกหนักมากในบางพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก โดย สทนช. ได้ประเมินสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำต่าง ๆ รวมถึงปริมาณน้ำในเขื่อนแต่ละแห่งอย่างต่อเนื่อง

  • เร่งพร่องน้ำออกจากเขื่อน

อย่างไรก็ตาม เพื่อบริหารจัดการน้ำโดยคำนึงถึงภาพรวมของกลุ่มลุ่มน้ำที่สัมพันธ์กัน เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด โดยสำหรับสถานการณ์ในลุ่มน้ำปิง วัง ยม น่าน

ขณะนี้ เขื่อนสำคัญของลุ่มน้ำวัง ได้แก่ เขื่อนกิ่วลม – กิ่วคอหมา จ.ลำปาง ยังคงมีน้ำไหลเข้าเขื่อนอย่างต่อเนื่อง โดยเขื่อนกิ่วลม มีปริมาณน้ำ 99 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 93% ของความจุ

ขณะที่ เขื่อนกิ่วคอหมา มีปริมาณน้ำ 187 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินความจุแล้ว โดยคิดเป็น 110% ของความจุ

ดร.สุรสีห์ กล่าวต่อว่า จึงจำเป็นต้องพร่องน้ำออกจากเขื่อนโดยต้องส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำน้อยที่สุด โดยปัจจุบัน เขื่อนกิ่วคอหมา ระบายน้ำในอัตรา 245 ลบ.ม. ต่อวินาที และเขื่อนกิ่วลม ระบายน้ำในอัตรา 391 ลบ.ม. ต่อวินาที

ทั้งนี้ จะส่งผลให้มีน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำวัง บริเวณ ต.ปงดอน ต.แจ้ห่ม ต.วิเชตนคร ต.บ้านสา ต.แม่สุก อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง

โดยปริมาณน้ำส่วนนี้จะไหลไปรวมกับแม่น้ำปิง บริเวณท้ายเขื่อนภูมิพล อ.บ้านตาก จ.ตาก ในส่วนของลุ่มน้ำปิง

และ มีเขื่อนที่สำคัญกั้นลำน้ำ ได้แก่ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 297 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 112% ของความจุ และ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา

  • แม่น้ำปิงยังไม่มีน้ำล้นตลิ่ง

ด้าน จ.เชียงใหม่ มีปริมาณน้ำ 175 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 66% ของความจุ โดยในช่วงที่เกิดอุทกภัยในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เขื่อนทั้งสองแห่งได้ช่วยหน่วงน้ำ ทำให้สามารถลดความรุนแรงของสถานการณ์ลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับเขื่อนภูมิพล จ.ตาก

และปัจจุบันยังสามารถรองรับน้ำได้เป็นจำนวนมาก โดยขณะนี้มีปริมาณน้ำ 7,682 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 57% ของความจุ

ซึ่งส่งผลให้ปริมาณน้ำที่ไหลจากแม่น้ำวังมายังแม่น้ำปิงอยู่ในลำน้ำโดยไม่มีปัญหาน้ำล้นตลิ่ง จึงไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ต่าง ๆ

  • แม่น้ำยมจะไหลไปบรรจบกับแม่น้ำน่าน

สำหรับ สถานการณ์ในลุ่มน้ำยมที่ไม่มีแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่ กรณีมีฝนตก ปริมาณน้ำจะไหลจาก อ.สอง จ.แพร่ ซึ่งปัจจุบันมีระดับน้ำ 7.78 ม. ต่ำกว่าตลิ่ง 0.32 ม. ไปยัง อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ ซึ่งปัจจุบันมีระดับน้ำ 9.36 ม. สูงกว่าตลิ่ง 1.16 ม.

ขณะเดียวกัน ไหลต่อไปที่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ซึ่งปัจจุบันมีระดับน้ำ 11.71 ม. สูงกว่าตลิ่ง 1.31 ม.

โดยปริมาณน้ำส่วนเกินนี้สามารถบริหารจัดการโดยใช้พื้นที่ลุ่มต่ำบางระกำในการกักเก็บน้ำ ทั้งนี้ แม่น้ำยมจะไหลไปบรรจบกับแม่น้ำน่านที่ ต.เกยไชย อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์

อย่างไรก็ดี ทางด้านลุ่มน้ำน่าน มีเขื่อนที่สำคัญคือ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 8,396 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 88% และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 555 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 59%

ซึ่งแม่น้ำน่านจะไปรวมกับแม่น้ำปิง ที่ ต.ปากน้ำโพ อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ หรือแม่น้ำเจ้าพระยา

  • เจ้าพระยา เร่งปรับการระบายน้ำ

ขณะนี้ ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 1,930 ลบ.ม. ต่อวินาที คิดเป็น 53% ของความจุลำน้ำ ทั้งนี้ คาดว่าในช่วง 7 วันข้างหน้าจะมีปริมาณน้ำจะอยู่ในช่วง 1,950 – 2,100 ลบ.ม. ต่อวินาที คิดเป็น 53 – 55% ของความจุลำน้ำ

ขณะเดียวกัน ในส่วนของเขื่อนเจ้าพระยา ปัจจุบันระบายน้ำในอัตรา 1,800 ลบ.ม. ต่อวินาที และจะปรับการระบายน้ำเป็น 1,900 ลบ.ม. ต่อวินาที และคงอัตราการระบายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

โดยปัจจุบันสถานี C.29A ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำ 1,969 ลบ.ม. ต่อวินาที คิดเป็น 56% ของความจุลำน้ำ

ดังนั้น คาดว่าการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่นอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง และคลองบางบาล บริเวณ อ.เสนา และ
อ.ผักไห่ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่กรุงเทพมหานคร

  • คาดพื้นที่เสี่ยงจากฝนตกสะสมมากกว่า 200 มม.

สำหรับ เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยต่อว่า สทนช. คาดการณ์พื้นที่เสี่ยงอุทกภัยจากฝนตกสะสมมากกว่า 200 มม. ล่วงหน้า 3 วัน ระหว่างวันที่ 27 – 29 ก.ย. 67 พบพื้นที่เสี่ยงใน อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งมีปริมาณฝนสะสม 206 มม.

นอกจากนี้ ได้ประกาศเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงช่วงวันที่ 28 ก.ย. – 2 ต.ค. 67 เสี่ยงน้ำท่วมบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำท่าจีน ชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำ และแนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ)

ทั้งนี้ จึงขอให้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงบริเวณ จ.สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ

โดย สทนช. ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สทนช. เตรียมพร้อมรับมือ น้ำท่วม ฤดูฝน ปี2567

: สทนช.