‘พีระพันธุ์’ ยันตรึง ‘ค่าไฟ’ งวด ก.ย.-ธ.ค.67 คงราคา 4.18 บาท/หน่วยไม่กระทบประชาชน

ค่าไฟฟ้า
‘พีระพันธุ์’ ยันตรึง ‘ค่าไฟ’ งวด ก.ย.-ธ.ค.67 คงราคา 4.18 บาท/หน่วย ไม่กระทบประชาชน


“พีระพันธุ์” สั่งตรึง ค่าไฟ งวดปลายปี 4.18 บาทต่อหน่วย ชี้เตรียมมาตรการมานานแล้ว เพราะ ค่าไฟ ต้องพิจารณาทุก 4 เดือน

นายพีระพันธุ์ สารีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยถึงค่าไฟฟ้างวดเดือน ก.ย. – ธ.ค.2567 ที่มีกระแสข่าวว่าจะปรับขึ้นว่าในเรื่องนี้นโยบายของรัฐบาลคือจะตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่ 4.18 บาทต่อหน่วยเท่าเดิมเพื่อไม่ให้เป็นภาระกับประชาชน ในเรื่องนี้มีการเตรียมการมาโดยตลอดเพราะค่าไฟฟ้าเราพิจารณากันทุก 4 เดือน เราเตรียมกันมานานแล้ว

“ชอบมีข่าวที่ทำให้ประชาชนตกใจไปก่อน คราวที่แล้วก็แบบนี้ใช้มั้ยที่ทำให้ประชาชนตกใจ สุดท้ายก็ไม่มีอะไร ซึ่งคราวนี้ก็แบบเดียวกัน ก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง 4 เดือนก็ต้องเป็นแบบนี้ พวกเราต้องเอาข่าวที่ดีไปให้ประชาชนบ้าง จะพยายามตรึงไว้ที่ 4.18 บาทเหมือนเดิมตอนจบก็จะเป็นแบบนี้”

กำลังหารือกฟผ. การใช้หนี้ในส่วนที่รัฐบาลให้รับภาระ

เมื่อถามว่าหนี้ในส่วนที่รัฐบาลให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับภาระไปก่อนนั้นยังไม่ต้องใช้คืนใช่หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวว่าในเรื่องนี้ก็กำลังหารือ ตนเองมีวิธีการที่จะไปคุยก็จะเหมือนกับคราวที่แล้ว

ก่อนหน้านี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้ประกาศราคาค่าไฟฟ้างวดสุดท้ายของปี 2567 ออกมาเป็น 3 ทางเลือกปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) งวดปลายปี หลังจากมีการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา พิจารณาอัตราค่า Ft งวดปลายปี (ก.ย.-ธ.ค.2567) พบว่า ต้นทุนค่าไฟจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณหน่วยละ 46-182 สตางค์ต่อหน่วย

พีระพันธุ์ถกรัสเซีย หาช่องซื้อน้ำมันราคาถูก

(18 กรกฎาคม 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์กล่าวด้วยว่าได้หารือกับนายเซอร์เก โมคานิคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพลังงานแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ถึงความร่วมมือด้านพลังงานของทั้งสองประเทศ

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ในการหารือร่วมกับรมช.พลังงานรัสเซียครั้งนี้ ได้หยิบยกประเด็นเรื่องของน้ำมันมาพูดคุยด้วย ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันของรัสเซียมีราคาที่ถูก แต่หากไทยจะนำเข้ามาอาจมีต้นทุนค่าขนส่งที่สูงมาก ดังนั้นจึงขอให้ทาง รมช.พลังงานรัสเซีย ร่วมกันหาวิธีการลดต้นทุนค่าขนส่งน้ำมันให้ถูกลง และเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศ รวมไปถึงเรื่องของท่อส่งน้ำมัน ซึ่งคาดว่า ในเร็ว ๆ นี้น่าจะได้ข้อสรุป

“ปัญหาที่ผ่านมาคือรัฐบาลซื้อน้ำมันไม่ได้ แต่รัฐบาลเจรจาแล้วให้ภาคเอกชนเป็นคนซื้อ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลก็ไม่ได้มีคลังน้ำมันส่วนตัว แต่ในอนาคตก็ได้เตรียมการเรื่องการทำระบบสำรองน้ำมันประเทศเอาไว้แล้ว เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยมีคลังสำรองน้ำมันมาก่อน”

ยืนยันถึงความสำคัญของการมีคลังน้ำมันสำรอง

นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลยืนยันถึงความสำคัญของการมีคลังน้ำมันสำรอง เพราะปัจจุบันคลังน้ำมันที่มีในประเทศจะเป็นของเอกชนทั้งหมด ทำให้การเจรจาความร่วมมือกับต่างประเทศเกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำมันเกิดปัญหา เพราะรัฐบาลเจรจาหาน้ำมันถูกมาให้เอกชนขายแพงกับประชาชน

ดังนั้นถ้าเป็นของรัฐเองก็สามารถบริหารจัดการด้านราคาได้ ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณายกร่างกฎมายขึ้นมาดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ยังได้หารือถึงความร่วมมือด้านก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมี รวมไปถึงความร่วมมือทางด้านวิชาการ โดยขณะนี้รัฐบาลมีแนวคิดเรื่องการผลักดีนการจัดตั้งวิทยาลัยพลังงานแห่งชาติขึ้น เพื่อจะเป็นสถาบันการศึกษาด้านพลังงานทั้งระบบ ซึ่งทางรมช.พลังงานรัสเซีย ก็ยินดีเข้ามาร่วมมือด้านวิชาการด้วย

กระทรวงพลังงาน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง : กระทรวงพลังงาน เร่งหาทางลดภาระค่าไฟฟ้าในช่วงเดือนก.ย. -ธ.ค. 2567