กรมทางหลวงชนบท เปิด Thailand Riviera ถนนเลียบชายทะเลฝั่งอ่าวไทย ชวนนักท่องเที่ยวได้ขับรถฉิวริมทะเลใต้กว่า 514 กิโลเมตร
- พร้อมเดินหน้าศึกษาความเหมาะสมแนวเส้นทางสงขลา – ปัตตานี – นราธิวาส ในปี 67 ต่อ
- มั่นใจเติมโครงข่ายถนนให้มีความสมบูรณ์ ส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องขณะนี้กรมทางหลวงชนบทได้ก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ฝั่งตะวันตกของอ่าวไทย (Thailand Riviera)เสร็จสมบูรณ์แล้วระยะทางรวมกว่า 514 กม.ซึ่งจะทำให้ถนนเส้นทางดังกล่าวเป็นถนนท่องเที่ยวระดับสากลควบคู่กับการส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างยั่งยืน และล่าสุดต่อยอดเดินหน้าในโครงการต่อเนื่อง เพื่อให้เส้นทางสิ้นสุดถึง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยล่าสุดในปี 67 จะเดินหน้าศึกษาความเหมาะสมเส้นทางThailand Riviera แนวเส้นทางสงขลา – ปัตตานี – นราธิวาส ระยะทางรวม ประมาณ 300 กม. ต่อ เพื่อให้โครงการมีโครงข่ายสมบูรณ์ และส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศ
ทั้งนี้ ทช. ได้ดำเนินการในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวถนนเลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทย โดยครอบคลุมพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง เพื่อพัฒนาโครงข่ายถนนดังกล่าวให้มีความต่อเนื่องเป็นถนนท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลระดับสากล ส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทช.ได้เริ่มก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลฯ มาตั้งแต่ปี 52 ถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ ในปี 68 ทช.มีแผนที่จะดำเนินการพัฒนาโครงข่ายสายทางตามแนวเทือกเขาตะนาวศรีครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ไปสิ้นสุดที่อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระยะทางรวมประมาณ 350 กม. โดยร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในการจัดทำแผนพัฒนาโครงการถนนเพื่อการท่องเที่ยว “ตะนาวศรีคีรีพัฒน์” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการ Thailand Riviera ของ ทช.
นายอภิรัฐ กล่าวด้วยว่า การก่อสร้างถนนดังกล่าว นอกจากจะเพิ่มศักยภาพโครงข่ายสายทางในพื้นที่ที่มีอยู่ในปัจจุบันแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และพัฒนาเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่มีความสะดวกปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานด้วย ขณะเดียวกันยังช่วยแบ่งเบาการจราจรบนถนนสายหลักในช่วงเทศกาล สามารถใช้เป็นเส้นทางเลี่ยงถนนเพชรเกษม (ทล.4) ได้อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวนี้อยู่ภายใต้กรอบของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (2561 – 2580) สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์การพัฒนาของจังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ตลอดจนเป็นไปตามยุทธศาสตร์การพัฒนาของกรมทางหลวงชนบท อีกด้วย
