สบน. ทำสำเร็จ! ออกบอนด์ยั่งยืน ยอดจองซื้อพุ่งทะลุ 5.5 หมื่นล้าน

สบน. ทำสำเร็จ! ออกบอนด์ยั่งยืน
สบน. ทำสำเร็จ! ออกบอนด์ยั่งยืน ยอดจองซื้อพุ่งทะลุ 5.5 หมื่นล้าน


สบน. เผยผลสำรวจความต้องการลงทุน ในการออกพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน พบนักลงทุนเสนอวงเงินซื้อรวม 55,285 ล้านบาท หรือมีการเสนอซื้อเกินเป้ากว่า 2.76 เท่า ของวงเงินการออก 20,000 ล้านบาท ที่ประกาศไว้ แย้มปลายปี 67 มีแผนออก Sustainability Loan ระดมทุนสนับสนุนโครงการขนส่งพลังงานสะอาด

นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า การสำรวจความต้องการลงทุน (Book Build) ในพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond: SLB) เมื่อวันที่ 19 พ.ย.67 ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม โดยนักลงทุนมีการเสนอวงเงินซื้อพันธบัตร รวมทั้งสิ้น 55,285 ล้านบาท คิดเป็น 2.76 เท่าของวงเงินการออก 20,000 ล้านบาท ที่ประกาศไว้

โดยทำให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) สามารถออก SLB ได้ในวงเงิน 30,000 ล้านบาท ที่อัตราดอกเบี้ย 2.70% ต่อปี โดยต้นทุนดอกเบี้ยในตลาดปัจจุบันอยู่ที่ 2.73% ทั้งนี้ มีนักลงทุนหลากหลายกลุ่มเข้าร่วม โดยเป็นกลุ่มนักลงทุนสถาบันในไทยกว่า 90% อาทิ กลุ่มบริษัทประกันชีวิต กลุ่มกองทุน กลุ่มสถาบันการเงิน กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ กลุ่มบริษัทจัดการสินทรัพย์ รวมถึงกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ 

“การออก SLB ในครั้งนี้ ทำให้รัฐบาลไทยเป็นรัฐบาลประเทศแรกในเอเชีย และรัฐบาลที่สามของโลกที่ประสบความสำเร็จในการออก SLB ต่อจากรัฐบาลของประเทศชิลีและอุรุกวัย” นายพชร กล่าว

นายพชร กล่าวด้วยว่า จากการได้ออกไปโรดโชว์การออกพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน ได้มีนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะพวกกองทุนใหญ่ๆ ต่างแสดงความสนใจ และถามว่าเมื่อไรประเทศไทย จะมีการออกพันธบัตรสกุลเงินตราต่างประเทศ (Foreign Currency Bond : FCY) ออกมาบ้าง

โดยในจุดนี้ ทาง สบน. อาจจะต้องดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากปัจจุบันส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยของประเทศไทยและต่างประเทศ ยังห่างกันเป็นเท่าตัว ซึ่งจะมีผลต่อต้นทุนในการระดมทุนของรัฐบาล โดยหากในอนาคต การระดมทุนในประเทศมีข้อจำกัด ทาง สบน. ก็จะมีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว 

ทั้งนี้ ในทางข้อกฎหมายของ สบน. การที่จะออกพันธบัตรสกุลเงินตราต่างประเทศ ต้องดำเนินการภายใต้เงื่อนไขการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยไม่สามารถนำมาใช้ในแผนกู้ชดเชยการขาดดุลงบประมาณได้ ซึ่งจุดนี้จึงต้องพิจารณารายละเอียดในส่วนนี้ให้รอบคอบ

สำหรับ SLB ถือเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ออกแบบมา เพื่อสนับสนุนการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างยั่งยืน โดยผู้ออกพันธบัตรต้องปฏิบัติตามตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ (Key Performance Indicators: KPIs) และเป้าหมายด้านความยั่งยืน (Sustainability Performance Targets: SPTs) ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า 

โดยพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน มีอายุ 15 ปี ระดมทุนเพื่อการกู้ชดเชยขาดดุล ในปีงบประมาณ 2568 โดยวางเงื่อนไขไว้ว่า 

1.ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ไม่รวมการใช้ประโยชน์จากที่ดินและป่าไม้) ไม่เกิน 388,500 ktCO2e ในปี พ.ศ. 2573 (คิดเป็นปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจก 30% จากค่า Business As Usual (BAU)) หากสามารถทำได้ตามเป้าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรลง 0.025% หากทำได้ตามเป้าจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 0.025%

2.ปริมาณการจดทะเบียนใหม่ของรถที่ปลดปล่อยมลพิษ รถยนต์ EV เป็นศูนย์ (Zero Emission Vehicles : ZEVs) ประเภทรถยนต์นั่งและรถกระบะ (Passenger Car and Pick-Up Trucks) ไม่ต่ำกว่า 440,000 คัน ในปี พ.ศ. 2573 หากสามารถทำได้ตามเป้าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรลง 0.025% หากทำได้ตามเป้าจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 0.025%

นายพชร กล่าวด้วยว่า ลำดับถัดไป สบน. จะดำเนินการรายงานผลการดำเนินงาน และตรวจสอบความคืบหน้าของ SPTs อย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส ในกระบวนการดำเนินงาน และเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน 

รวมถึงจะดำเนินการออก SLB ให้เป็น Benchmark Bond รุ่นอายุ 15 ปี เพื่อเป็นพื้นฐานในการกำหนดราคา และเพิ่มสภาพคล่องของพันธบัตรในตลาดรอง อันจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนอย่างยั่งยืนในระยะยาวต่อไป

“สบน. หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การออก SLB จะเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีสำหรับภาครัฐ และภาคเอกชน ในการร่วมกันขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนในอนาคต พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจให้นานาประเทศ ถึงความมุ่งมั่นของไทย ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และส่งเสริมความยั่งยืนในระยะยาว” นายพชร กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปี 2567 นี้ สบน. มีแผนที่จะดำเนินการออก Sustainability Loan เพื่อระดมทุนในการสนับสนุนโครงการขนส่งพลังงานสะอาด และจะดำเนินหน้าที่ในการสนับสนุนการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ ด้านความยั่งยืนของไทยให้เติบโตยิ่งขึ้นไปด้วย

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : นายกฯ สั่งสบน.ศึกษาขอบเขตกรีนบอนด์