เกาะติด! ค่าเงินบาท-หุ้นไทย

หุ้นไทย
ดัชนีตลาดหุ้นไทย

KBank คาดเงินบาทเคลื่อนไหว 36.00-36.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ ส่วนหุ้นไทย KSecurities แนวรับ 1,370 และ 1,360 จุด แนวต้าน 1,390 และ 1,400 จุด ตามลำดับ

  • จับตาทิศทางเงินทุนต่างชาติ
  • ตัวเลขการส่งออกและรายงานเศรษฐกิจ
  • ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 ของสหรัฐฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้คาดการณ์สถานการณ์ค่าเงินบาท สัปดาห์ระหว่างวันที่ 25-29 มี.ค. 2567 โดยKBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 36.00-36.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ตัวเลขการส่งออกและรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนก.พ. ของไทย ดัชนีราคา PCE และ Core PCE เดือนก.พ. ของสหรัฐฯ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 ของสหรัฐฯ และอังกฤษ ตลอดจนข้อมูลกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.-ก.พ. ของจีน

ส่วนKSecurities คาดแนวรับที่ 1,370 และ 1,360 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,390 และ 1,400 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนก.พ. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนก.พ. และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 ของสหรัฐฯ กำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.-ก.พ. ของจีน ตลอดจนยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ.ของญี่ปุ่น

สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา (18-22 มี.ค.67)เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือนที่ 36.48 บาทต่อดอลลาร์ฯ ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าลงท่ามกลางแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ก่อนการประชุมเฟด ประกอบกับมีปัจจัยลบจากการอ่อนค่าของเงินเยน หลังผลการประชุม BOJ ออกมาสอดคล้องกับที่ตลาดคาด (ทั้งในส่วนของการปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นขึ้นมาที่กรอบ 0.0-0.1% การยุติ Yield Curve Control และการยกเลิกการเข้าซื้อ ETFs และ J-REITs) เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นช่วงสั้นๆ หลังผลการประชุมเฟด ซึ่งแม้เฟดจะมีการปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ แต่มุมมองของเจ้าหน้าที่เฟดผ่าน Dot plot ยังคงสะท้อนโอกาสของการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งตามเดิม อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินของของธนาคารกลางอื่นๆ นอกจากนี้ เงินบาทยังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกในช่วงปลายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน

ส่วนหุ้นไทยปรับตัวลงในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ในระหว่างรอติดตามผลการประชุมเฟด โดยหุ้นที่เผชิญแรงเทขายหลักๆ เป็นหุ้นบิ๊กแคปในกลุ่มวัสดุก่อสร้างและกลุ่มพลังงานจากปัจจัยเฉพาะของแต่ละบริษัท แต่หุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงสั้นๆ ในช่วงต่อมาสอดคล้องกับทิศทางของตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคหลังผลการประชุมเฟด ซึ่งมีสัญญาณบ่งชี้ว่า ยังมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้งในปีนี้ตามมุมมองเดิมในช่วงการประชุม FOMC เดือนธ.ค. 2566 อย่างไรก็ดี หุ้นไทยกลับมาเผชิญแรงขายอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุน ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติกลับมามีสถานะขายสุทธิหุ้นไทยอีกครั้ง อนึ่ง นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยในสัปดาห์ 18-22 มี.ค. 2567 เป็นมูลค่ามากถึง 37,762 ล้านบาท