นายกฯสั่งลุย!ยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิ รับนักท่องเที่ยว 150 ล้านคน

นายกฯ เศรษฐา เผยจากนี้บทบาทสนามบินสุวรรณภูมิจะเปลี่ยนไป ปักหมุดเสริมศักยภาพรองรับทั้งคน-สินค้า ดันยอดรองรับผู้โดยสารได้ 150 ล้านคนต่อปี เชื่อเศรษฐกิจไทยรุุ่งโรจน์แน่นอน มุ่งสู่ศูนย์กลางการบินภูมิภาค

  • แผนระยะสั้นเร่งแก้ไขคอขวดใน 6 เดือน เปิดใช้อาคารเทียบเครื่องบิน SAT 1 เต็มขีดความสามารถ รองรับผู้โดยสารได้จาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี 
  • ปีนี้มีแผนเตรียมเปิดใช้รันเวย์ 3 รองรับเที่ยวบินจาก 68 เที่ยวต่อชม. เป็น 94 เที่ยวต่อชม.
  • แผนระยะยาวก่อสร้างอาคารผู้โดยสารทิศใต้ รองรับผู้โดยสารเพิ่มอีก 60 ล้านคน พร้อมก่อสร้างรันเวย์ 4

วันนี้ ( 1 มี.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยภายในงาน “IGNITE THAILAND, AVIATION HUB” เพื่อประกาศถึงศักยภาพของประเทศไทย ในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค จัดขึ้น ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยนายเศรษฐา ได้กล่าวช่วงหนึ่งถึงสนามบินสุวรรณภูมิว่า จากนี้รัฐบาลจะเปลี่ยนบทบาทของสนามบินสุวรรณภูมิให้รองรับได้ทั้งการขนส่งคน และสินค้า ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND, AVIATION HUB” เพื่อประกาศถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค

ทั้งนี้ ทางรัฐบาลมีแผนจะขยายขีดความสามารถสนามบินสุวรรณภูมิให้รองรับผู้โดยสารได้ถึง 150 ล้านคนต่อปี โดยแผนดำเนินงานในระยะสั้น จะเร่งแก้ไขคอขวดใน 6 เดือน ซึ่งล่าสุดทางบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ได้เปิดอาคารเทียบเครื่องบิน SAT 1 ไปแล้ว และจะเปิดใช้ให้เต็มขีดความสามารถ 100% รองรับผู้โดยสารได้จาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND, AVIATION HUB” เพื่อประกาศถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค

ขณะเดียวกัน สายการบิน Emirates และ Qatar ก็ได้ให้เกียรติมาเปิด Lounge ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ที่SAT 1 ด้วยอีก ซึ่งในส่วนนี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของทั้ง 2 สายการบินดังระดับโลก มองเห็นศักยภาพของประเทศไทย

นอกจากนี้ ในปี 67 ก็มีแผนเตรียมเปิดใช้รันเวย์ 3 จะสามารถรองรับเที่ยวบินจาก 68 เที่ยวต่อชั่วโมง เป็น 94 เที่ยวต่อชั่วโมง และมีแผนจะก่อสร้างขยายอาคารผู้โดยสารทางทิศตะวันออก – ทิศตะวันตก ให้สามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 30 ล้านคนต่อปี

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND, AVIATION HUB” เพื่อประกาศถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค

สำหรับในส่วนของแผนงานระยะยาว ก็จะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารทางทิศใต้ เพื่อให้รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 60 ล้านคนต่อปี พร้อมก่อสร้างรันเวย์ที่ 4 เพื่อรองรับเที่ยวบินได้ถึง 120 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ซึ่งทั้งหมดที่ดำเนินการก็จะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิ มีความพร้อมในการให้บริการผู้โดยสาร 150 ล้านคน ถ้าดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาได้ 150 ล้านคน จะมีรายได้เข้าประเทศ ทั้งในส่วนร้านอาหาร ศูนย์การค้า โรงแรม เอสเอ็มอี เหล่านี้เชื่อว่าจะไปได้อีกไกล เศรษฐกิจไทยรุ่งโรจน์แน่นอน

สำหรับ ขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง จะต้องปรับปรุงให้มีความคล่องตัว รวดเร็วมากกว่านี้ และจะต้องแก้ไขปัญหาได้ภายใน 6 เดือน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND, AVIATION HUB” เพื่อประกาศถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค

ในส่วนของท่าอากาศยานดอนเมือง นายกฯ กล่าวว่า เป็นสนามบินหลักสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศในภูมิภาค รัฐบาลมีแผนจะเปลี่ยนสนามบินให้เป็นสนามบินแบบ POINT-TO-POINT มีจุดเด่นให้บริการเข้าออกได้เร็วขึ้น ขยายขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจากเดิม 30 ล้านคน เป็น 50 ล้านคนต่อปีภายในปี 2573

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND, AVIATION HUB” เพื่อประกาศถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค

สำหรับท่าอากาศยานภูเก็ต รัฐบาลมีแผนจะสร้างสนามบินภูเก็ตแห่งที่ 2 หรือ ท่าอากาศยานอันดามัน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนภูเก็ต พังงา กระบี่ รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง และจะพัฒนาสะพานสารสินเพื่อรองรับจำนวนรถให้ได้มากขึ้น และให้เรือขนาดใหญ่สามารถแล่นผ่านได้เช่นกัน สำหรับท่าอากาศยานภูเก็ต รัฐบาลจะพัฒนาส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบิน รองรับผู้โดยสารจากเดิม 12.5 ล้านคนต่อปี เป็น 18 ล้านคนต่อปีภายในปี 2573

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND, AVIATION HUB” เพื่อประกาศถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค

ในส่วนของท่าอากาศยานเชียงใหม่ ขอเรียกว่าสนามบินล้านนา เพราะรองรับประชาชนจังหวัดใกล้เคียงเชียงใหม่ด้วย รัฐบาลมีแผนจะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศและปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิม ที่รองรับจำนวนนักท่องเที่ยวจากเดิมได้เพียง 8 ล้านคนต่อปี เป็น 16.5 ล้านคนต่อปีภายในปี 2572 รวมทั้งยังมีแผนจะก่อสร้างสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 หรือท่าอากาศยานล้านนา ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นอีก 20 ล้านคนต่อปี

พร้อมทั้งจะพัฒนาครัวไทยสู่การเป็นครัวของโลก ผ่านการผลิตอาหารให้กับสายการบินต่าง ๆ ส่งเสริมการใช้ผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพของไทย นำนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตอาหาร ไปจนถึงต่อยอดเมนูอาหารไทยที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติสู่อาหารบนเครื่องบินที่ดีที่สุดในโลก ไม่เพียงเท่านี้ รัฐบาลยังมีแผนจะขยายอุตสาหกรรมการบำรุงรักษาให้กลายเป็นศูนย์กลางการบำรุงรักษาทั้งเครื่องบินพาณิชย์และเครื่องบินส่วนตัว มีระบบคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิเพื่อกระจายสู่ประชากรกว่า 280 ล้านคนทั้งไทย มาเลเซีย สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม รวมทั้งสร้างความยั่งยืนผ่านการดึงดูดสายการบินด้วยเชื้อเพลิง SAF และส่งเสริมการผลิตในประเทศ สนับสนุนบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND, AVIATION HUB” เพื่อประกาศถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค

“ผมขอประกาศว่าเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการบิน จะต้องยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิให้ติดอันดับ 1 ใน 50 ของสนามบินที่ดีที่สุดในโลก ภายในระยะเวลา 1 ปี และติดอันดับ 1 ใน 20 ของโลก ภายในระยะเวลา 5 ปี ขอแจ้งประธานบอร์ดทอท.ไว้ด้วย เป็นความฝันที่ต้องการให้เป็นจริง วันนี้ผมขอประกาศว่า เราตื่นจากความฝันแล้ว ขอให้ทุกคนตื่นมาร่วมกันพัฒนาให้ความฝันเป็นจริง ทุกคนมีส่วนร่วมทำฝันให้เป็นจริง ขอให้กำลังใจ ขอให้ทุกคนช่วยดึงศักยภาพ ช่วยกันทำความฝันให้เป็นจริง”นายเศรษฐากล่าว

ทั้งนี้สนามบินสุวรณณภูมิเคยอบู่อันดับที่ 13 ของโลกในปี 2548 และปัจจุบันอยู่อันดับที่ 68

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND, AVIATION HUB” เพื่อประกาศถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND, AVIATION HUB” เพื่อประกาศถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค