“ดร.สุวิทย์” โพสต์ชวนคิด หากปรารถนาความสงบสุข พึงใส่ใจ ความยุติธรรม



ดร.สุวิทย์ โพสต์หนึ่งในฐานรากสำคัญของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์ประมุข คือการสร้างรัฐที่น่าเชื่อถือ ยกกรณี อดีตนายกฯ เศรษฐา หลังศาลฐธรรมนูญวินิจฉัย ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ถือสร้างบรรทัดฐานใหม่ ยกระดับมาตรฐานทางคุณธรรมจริยธรรม ให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ

  • เผยจากนี้ ผู้นำประเทศไทย จะไม่ได้มีแค่คุณสมบัติความเป็นผู้นำ ที่มีวิสัยทัศน์ อย่างเดียว
  • ต้องมีความเป็นผู้นำ ที่มีคุณธรรมและจริยธรรม ควบคู่ด้วย
  • ยกกรณี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ บรรยายสัมมนาที่ จ.สุราษฎร์ธานี มีแชร์กันในโลกโซเชียล เอ่ยถึงการยุบพรรคการเมือง
  • ถามเนื้อหา และท่าทีที่ปรากฏในคลิป ดูเหมาะสมกับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้หรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้โพสตข้อความ พร้อมภาพ ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก : ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ Dr.Suvit Maesincee โดยมีเนื้อหาระบุว่า…

“หากปรารถนาความสงบสุข พึงใส่ใจในความยุติธรรม”

หนึ่งในฐานรากสำคัญของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์ประมุข คือ การสร้าง “รัฐที่น่าเชื่อถือ” (Credible Government)

รัฐที่น่าเชื่อถือ สะท้อนผ่าน 1) การมาด้วยความชอบธรรม (Legitimacy); 2) การยึดคุณธรรมจริยธรรม (Integrity); และ 3) การมีความรู้ความสามารถ (Capability) ในภารกิจและหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

อย่างที่ทราบกันดี “รัฐบาล“ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ “รัฐ” ที่มีภารกิจหน้าที่ในการบริหารประเทศ ดังนั้น รัฐที่น่าเชื่อถือจึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ “รัฐบาลที่น่าเชื่อถือ” แต่ครอบคลุมถึงสถาบันหลักต่างๆ ซึ่งรวมถึง “ศาลรัฐธรรมนูญ“

การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยให้เหตุผลว่า นายกรัฐมนตรีรู้หรือควรรู้พฤติการณ์ของนายพิชิต ชื่นบาน ว่าเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้าม ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ แต่ยังคงนำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ถือเป็นการปฏิบัติที่มิชอบตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง การจะกล่าวอ้างว่ามีประสบการณ์ การทำงานในทางการเมืองจำกัด นั้นไม่อาจรับฟังได้

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ ในการยกระดับมาตรฐานทางคุณธรรมจริยธรรม ให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งระบบ

ด้วยเหตุนี้ การจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร จึงมีกระบวนการคัดกรองที่เข้มข้นรอบคอบ และใช้เวลายาวนานกว่าปกติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่พึงปฏิบัติ เพื่อตอบโจทย์บรรทัดฐานดังกล่าว

เพราะจากนี้ไป ผู้นำประเทศจะไม่ได้มีแค่คุณสมบัติของความเป็นผู้นำ ที่มีวิสัยทัศน์ (Visionary Leadership) เท่านั้น แต่ต้องมีความเป็นผู้นำ ที่มีคุณธรรมและจริยธรรม (Moral Leadership) ควบคู่ไปด้วย

จากกรณีการเผยแพร่คลิปในโลกออนไลน์ หลังจากนายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ บรรยายเรื่อง ”ศาลรัฐธรรมนูญกับการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560“ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยในช่วงหนึ่งได้กล่าวว่า

“จริง ๆ ต้องขอบคุณผมนะ มีการยุบพรรคเขา เห็นไหมครับ เขาได้เงินตั้งกี่ล้านภายในสองวัน ถ้าไม่ยุบเขาร้องไห้ฟรีเลยนะ ก่อนหน้านั้นเงินไม่มี ต้องขอบคุณผมนะ ทำให้เขามีเงินเข้าไปตั้ง 20, 30 ล้าน… ก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนตรงไหนเลย”

ด้วยเหตุที่ท่านเป็นถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ การพูดต่อสาธารณชน ด้วยเนื้อหา และท่าทีที่ปรากฏในคลิปดังกล่าว ดูเหมาะสมกับตำแหน่ง อันทรงเกียรตินี้หรือไม่

ที่สำคัญ ในฐานะที่ท่านเป็นหนึ่ง ในตุลาการรัฐธรรมนูญ ที่เพิ่งร่วมกันยกระดับมาตรฐาน ทางจริยธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งระบบ ความคิด และพฤติกรรม ที่ท่านแสดงออกมาตามคลิป นอกเหนือจาก การสะท้อนโลกทัศน์ และทัศนคติโดยส่วนตัวของท่านแล้ว น่าจะมีประเด็นเชิงคุณธรรม จริยธรรม รวมถึงเมตตาธรรม ของความเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ หรือไม่ อย่างไร

เงื่อนไขสำคัญ ที่จะขจัดปัญหาความขัดแย้ง ความแตกแยก และความรุนแรงที่เกิดขึ้น ในช่วงที่ผ่านมา คือ “ความยุติธรรม” เป็นความยุติธรรม อันประกอบไปด้วย ความมีเหตุมีผล ความชอบธรรม และความถูกต้อง

หากผู้คนในสังคม ไม่ได้รับความยุติธรรม ความสงบสุขในบ้านเมืองก็เกิดไม่ได้ เหมือนอย่างที่ผู้กล่าวว่า “หากปรารถนาความสงบสุข พึงใส่ใจในความยุติธรรม” (If you wish peace, care for justice) ครับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “ดร.สุวิทย์” ชี้ปากท้องเป็นเรื่องจำเป็น แต่ไม่เพียงพอเพื่อขับเคลื่อนประเทศ