ธนวรรธน์ชี้เม็ดเงิน โครงการดิจิทัล วอลเล็ต หาย 5 หมื่นล้าน ไม่กระทบเศรษฐกิจ

ดิจิทัล วอลเล็ต
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย


“นายธนวรรธน์” เผยเม็ดเงิน โครงการดิจิทัล วอลเล็ต หายไป 50,000 ล้านบาท ไม่มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจมากนัก หรือคิดเป็น 0.3% ของจีดีพีทั้งปี ลั่นสิ่งสำคัญคือ โครงการดิจิทัล วอลเล็ต ต้องมีการใช้จ่ายได้จริง ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ชี้อาส่งผลช่วยกระตุ้นจีดีพีปีนี้ ขยับโตได้ถึง 3.0%

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึง นโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต หรือโครงการ ดิจิทัล วอลเล็ต ว่า ประเด็นวงเงินที่โครงการได้ปรับลดวงเงินรวมจาก 500,000 ล้านบาท มาเหลือเป็นวงเงิน 450,000 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนต่างที่หายไป 50,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากคิดในทางเศรษฐกิจ เม็ดเงินมูลค่า 50,000 ล้านบาท หากนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยกระตุ้นได้ 0.3% ของจีดีพีทั้งปี ซึ่งหากนำมาหาร 4 แบ่งออกเป็นรายไตรมาส ก็จะได้อยู่ที่ไตรมาสละ 0.075% เท่านั้นเอง

“จากตัวเลขที่กล่าวไป ก็จะประเมินได้ว่า การที่เงินการดำเนินโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ลดหายไป 50,000 ล้านบาท จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 มากนัก ถ้าหากโครงการได้เริ่มต้นใช้เดือน ต.ค. 67 เป็นต้นไป” นายธนวรรธน์ กล่าว

ทั้งนี้ เม็ดเงินที่กระตุ้นไปผ่านโครงการดิจิทัล วอลเล็ต นี้ จะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจชัดๆ ในช่วงของปี 68 โดยหากเราเอาเม็ดเงิน 450,000 ล้าบาท อัดเข้าไปในระบบเศรษฐกิจน่าจะช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจได้ 1% ต่อจีดีพีทั้งปี ซึ่งหากขยับเงินดำเนินโครงการเป็น 500,000 ล้านบาท ก็จะกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นมาเป็น 1.3% ต่อจีดีพี

นายธนวรรธน์ กล่าวด้วยว่า วงที่หายไปอาจไม่มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้สูงขึ้นเท่าไรนัก แต่ระยะเวลาในการกระตุ้นสำคัญมาก คือในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ โครงการต้องดำเนินการออกมาให้สำเร็จ

“วงเงินแรกที่ออกมา 450,000 ล้านบาท จะกระตุกระบบเศรษฐกิจทันที ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจมีความคึกคักสูง” นายธนวรรธน์ กล่าว

นอกจากนี้ โครงการดิจิทัล วอลเล็ต เป็นกรอบข้อกำหนดที่ให้เป็นการใช้จ่ายในระดับอำเภอ ซึ่งก็จะทำให้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในอำเภอนั้นๆ เกิดการซื้อสินค้าโดยใช้วัตถุดิบในพื้นที่ และเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ แน่นอนมีผลทำให้เศรษฐกิจมีความคึกคักแน่นอน ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ และช่วงไตรมาส 1 ปี 68

ทั้งนี้ ในส่วนระยะเวลาการใช้เงินโครงการดิจิทัล วอลเล็ต กำหนดไว้ที่ 6 เดือน ซึ่งรอบแรกจะไม่สามารถเอาเงินสดออกจากระบบดิจิทัล วอลเล็ตได้ โดยเม็ดเงินจะไปหมุนต่อประมาณอีก 2 ไตรมาส ซึ่งการที่ลดเม็ดเงินโครงการไป 50,000 ล้านบาท ไม่ใช่ประเด็นเลย เนื่องด้วยเม็ดเงินจุดนี้ จะหายไปในกลุ่มที่มีรายได้สูง ไม่ผ่านเกณฑ์เรื่องคุณสมบัติ โดยใช้เงินได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เท่ากับกลุ่มที่มีรายได้ไม่สูง

นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า เม็ดเงินที่ทางรัฐบาลลดไป 50,000 ล้านบาท น่าจะนำไปลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ต่างๆ เพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งหากรัฐบาลประเมินว่าเงินที่ลดไป สามารถนำมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ได้ก็ควรดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าหากโครงการนี้ มีการใช้จ่ายได้จริงในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ก็จะมีผลทำให้เศรษฐกิจไทยปี 67 ที่คาดว่าจะเติบโตที่ 2.5% น่าจะขยับตัวได้เป็น 2.8% – 3.0% ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่สามารถมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในช่วง 6 เดือน ที่โครงการดิจิทัล วอลเล็ต ดำเนินการใช้จ่ายอยู่

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “ดิจิทัล วอลเล็ต” เบรคใช้เงิน ธ.ก.ส. เฉือนงบโครงการเหลือ 4.5 แสนล้าน