

คลังเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชูมาตรการค้ำประกันช่วยเอสเอ็มอี ในช่วง เศรษฐกิจซบเซา โดย บสย. ผนึก 18 สถาบันการเงิน ลงนาม MOU โครงกาค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 วงเงิน 50,000 ล้านบาท คาดมีส่วนช่วยอัดเม็ดเงินสู่ระบบกว่า 2 แสนล้าน ช่วยเอสเอ็มอีฟื้นมาลืมตาอ้าปาก ได้รับสินเชื่ออีกกว่า 77,000 ราย ในยาม เศรษฐกิจซบเซา เช่นนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 ก.ค.67) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และ 18 สถาบันการเงิน โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 (Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 11) ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.67 วงเงินค้ำประกัน 50,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้เอสเอ็มอีไทย
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า การดำเนินโครงการนี้ มีจุดมุ่งหมายหลัก คือต้องการช่วยเหลือ ผู้ประกอบการกลุ่มเอสเอ็มอี ให้เข้าถึงสินเชื่อ และเน้นไปที่กลุ่มเอสเอ็มอีรายใหม่ที่มีศักยภาพ แต่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อ เงินทุนได้ โดยหากวงเงินค้ำประกัน 50,000 ล้านบาท เต็มวงเงินแล้ว ทางกระทรวงการคลังก็พร้อมขยายวงเงินเพิ่มได้
ทั้งนี้ บสย. ถือเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐ เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เป็นหลักประกัน ค้ำประกันสินเชื่อ ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เข้าถึงสินเชื่อ โดยปัจจุบันมีเอสเอ็มอี ในระบบกว่า 3.2 ล้านราย
สร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) คิดเป็น 35.2% ของจีดีพี และมีสัดส่วนการจ้างงานถึง 70% แต่ที่ผ่านมา ยังมีเอสเอ็มอีในระบบจำนวนมาก เข้าไม่ถึงสินเชื่อ เพราะขาดหลักประกัน จึงต้องพึ่งพาเงินทุนนอกระบบ
โดยตลอดระยะเวลา 33 ปีที่ผ่านมา กระทรวงการคลังใช้กลไกค้ำประกัน ร่วมกับการดำเนินมาตรการต่างๆ ที่ช่วยให้เอสเอ็มอี เข้าถึงสินเชื่อและแหล่งทุน ผ่านกลไกค้ำประกันสินเชื่อ มากกว่า 850,000 ราย คิดเป็นวงเงินค้ำประกันสะสมกว่า 1.5 ล้านล้านบาท สร้างสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินกว่า 1.98 ล้านล้านบาท
“วันนี้คาดหวังว่า โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 นี้ วงเงิน 50,000 ล้านบาท จะสามารถก่อให้เกิดตัวคูณทางทวี เมื่อเทียบกับยอดค้ำประกันสินเชื่อ ทั้งในทางตรงและทางอ้อมที่ 4.13 เท่า และสามารถสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ได้มากกว่า 200,000 ล้านบาท รวมถึงเข้าช่วยเอสเอ็มอี ได้กว่า 77,000 ราย”
ด้านนายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวว่า โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 โครงการนี้จะประสบความสำเร็จ และ ช่วยเอสเอ็มอี ได้สินเชื่อกว่า 77,000 ราย สร้างสินเชื่อในระบบกว่า 60,000 ล้านบาท และรักษาการจ้างงานงานไม่น้อยกว่า 550,000 ตำแหน่ง
เช่นเดียวกับการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอี ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงปี 63 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 67 ที่ บสย. สามารถช่วยผู้ประกอบการมากถึง 437,000 ราย คิดเป็นเม็ดเงินค้ำประกันมากกว่า 660,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นกลุ่ม Micro SMEs กว่า 375,000 ราย หรือคิดเป็น 86% ของยอดค้ำประกันทั้งหมด
ทั้งนี้ สำหรับโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 ครอบคลุม 8 กลุ่มอุตสาหกรรม ภายใต้ยุทธศาสตร์ IGNITE Thailand นั้นคือ กลุ่มท่องเที่ยว การแพทย์และสุขภาพ อาหาร การบิน การขนส่ง การผลิตยานยนต์ เศรษฐกิจดิจิทัล และการเงิน ทั้งนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา สนับสนุนค้ำประกันสินเชื่อกลุ่มเปราะบาง
รวมไปถึงการเริ่มกิจการใหม่ ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (BCG/ ESG) มุ่งปรับตัวเข้าสู่สังคม Carbon ต่ำ ประกอบด้วย 5 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่
1. โครงการ Smart Gen ฟรีค่าธรรมเนียม 2 ปีแรก กลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการรายย่อยที่เปิดกิจการใหม่ (อายุไม่เกิน 3 ปี) ค้ำประกัน 10,000 – 500,000 บาทต่อราย
2. โครงการ Small Biz ฟรีค่าธรรมเนียม 2 ปีแรก กลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการรายย่อยกลุ่ม Micro กลุ่มฐานราก ค้ำประกัน 10,000 -200,000 บาทต่อราย
3. โครงการ Ignite One ฟรีค่าธรรมเนียม 3 ปีแรก กลุ่มเป้าหมาย “บุคคลธรรมดา” ที่ดำเนินธุรกิจ 8 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ค้ำประกัน 200,000 – 5 ล้านบาทต่อราย
4. โครงการ Ignite Biz ฟรีค่าธรรมเนียม 3 ปีแรก กลุ่มเป้าหมาย “นิติบุคคล” ที่ประกอบธุรกิจ 8 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ค้ำประกัน 200,000 – 10 ล้านบาทต่อราย
5. โครงการ Smart Green ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ปีแรก กลุ่มเป้าหมาย ผู้ประกอบการที่ดำเนินกิจการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (BCG) และธุรกิจเพื่อสังคม (ESG) ค้ำประกัน 1 – 40 ล้านบาทต่อราย
บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “เผ่าภูมิ” ลั่นถึงเวลาเอสเอ็มอีไทย ก้าวสู่..ธุรกิจสีเขียว