

“เผ่าภูมิ” ชี้ถึงเวลาเอสเอ็มอีไทย ก้าวสู่..ธุรกิจสีเขียว เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าโลก เผยส่งออกสินค้าไทย ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดย ธุรกิจสีเขียว ในปี 64 มีสัดส่วนเพียง 7.6%
- เผยล่าสุด EXIM BANK ได้ออกบัตรเงินฝากสีเขียว เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาระบบนิเวศคาร์บอนต่ำ การพัฒนาอย่างยั่งยืน
- มีแผนเสนอขายภายในปี 67 มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท โดยช่วง เม.ย. ขายแล้ว 1,300 ล้านบาท
- เผยปี 67 EXIM BANK มีเป้าขยายพอร์ตสินเชื่อธุรกิจสีเขียวให้ได้ 39% และขยับเป็น 50% ในปี 71
วันนี้ (30 พ.ค.67) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ร่วมแสดงความยินดี ในความสำเร็จของโครงการบัตรเงินฝากสีเขียว (Green Certificate of Deposit) ซึ่งธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) มีแผนเสนอขายภายในปี 2567 เป็นครั้งแรก มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท โดยตอบสนองนโยบายรัฐบาล ในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบนิเวศคาร์บอนต่ำ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึงประเทศชาติและโลกโดยรวม
นับเป็นครั้งแรกของการพัฒนาผลิตภัณฑ์บัตรเงินฝากสีเขียวภายใต้ Sustainable Finance Framework ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลโดย DNV (Thailand) Co., Ltd. เพื่อระดมทุนไปใช้สนับสนุนธุรกิจการค้าและการลงทุนของผู้ประกอบการไทยทั้งในและต่างประเทศที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า จากปัญหาสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่รุนแรงขึ้น ทำให้รัฐบาลหลายประเทศ ต่างออกมาตรการทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น ถึงราว 18,000 มาตรการ เฉลี่ยปีละ 16% ในช่วงปี 2556-2565 ที่ผ่านมา
โดยเฉพาะตลาดส่งออกสำคัญของไทย อาทิ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป (EU) ญี่ปุ่น จีน และอินเดีย ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันคิดเป็น 51% ของมูลค่าส่งออกรวมในปี 2566
ไทยต้องผลักดันธุรกิจสีเขียว
ขณะที่ ปัจจุบันประเทศไทย ยังส่งออกสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจำนวนไม่มากนัก ในปี 2564 มีสัดส่วนอยู่ที่ 7.6% ของมูลค่าส่งออกรวม เทียบกับสัดส่วนประเทศอื่น เช่น เยอรมนี 15.4% ญี่ปุ่น 15% จีน 10.4% และเกาหลีใต้ 10.2%
“จากตัวเลขดังกล่าว คิดว่าถึงเวลาแล้ว ที่ผู้ส่งออกไทย ต้องเร่งปรับตัวและปฏิบัติตาม เพื่อให้แข่งขันได้ในตลาดการค้าโลก ขณะเดียวกัน สถาบันการเงิน ต้องเร่งขยายบทบาทช่วยเหลือผู้ประกอบการ ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน สำหรับปรับตัวดังกล่าว”
ทั้งนี้ ทั่วโลกยังต้องการการสนับสนุนทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อีกมาก จากข้อมูลพบว่า Climate Finance ของโลก เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่ำกว่าตัวเลขประเมินความต้องการทางการเงินเพื่อป้องกัน Climate Change เฉลี่ย 8.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี หรือต่ำกว่าอยู่ราว 6 เท่าตัว
โดยความต้องการทางการเงินดังกล่าว เป็นการประเมินการลงทุนด้านต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส นั่นหมายความว่า การลงทุนของโลกเพื่อป้องกัน Climate Change ในปัจจุบันยังไม่เพียงพอที่จะหยุดการเพิ่มขึ้น ของอุณหภูมิไม่ให้สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ตามเป้าหมายได้
ถึงเวลาก้าวสู่เศรษฐกิจ และสังคมคาร์บอนต่ำ

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า สำหรับโครงการบัตรเงินฝากสีเขียวของ EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐนับเป็นการบูรณาการ ความร่วมมือของภาครัฐ และภาคเอกชน ในการพัฒนาเครื่องมือทางการเงินสีเขียว เพื่อร่วมกันเปลี่ยนผ่านประเทศไทย ไปสู่เศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ
บรรลุเป้าหมายของประเทศไทย สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2608 โดยนับจากนี้ เราจะเริ่มเห็นความสำเร็จเป็นรูปธรรมเพิ่มมากขึ้น ของการสร้าง Green Export Supply Chain ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
นับตั้งแต่ขั้นตอนการจัดหาเงินทุน วัตถุดิบ กระบวนการผลิต และส่งมอบสินค้า ตลอดจนโลจิสติกส์ ที่ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานสะอาดเพิ่มมากขึ้น และสร้างระบบนิเวศเศรษฐกิจสีเขียว และยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น
นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมทางการเงินสีเขียว (Greenovation) ภายใต้บทบาท Green Development Bank
โดย EXIM BANK มีแผนจะเสนอขายบัตรเงินฝากสีเขียวภายใต้ Sustainable Finance Framework ที่รับรองโดย DNV (Thailand) Co., Ltd. เป็นครั้งแรกในประเทศไทย วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท ภายในปี 2567
ทั้งนี้ บัตรเงินฝากสีเขียวได้เริ่มออกเสนอขายรุ่นแรกในเดือนเมษายน ที่ผ่านมา จำนวน 1,300 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี จากหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐ ประกอบด้วย การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมชขนาดย่อม(บสย.)
เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค โลจิสติกส์ และที่สำคัญคือ Climate Finance ที่จะนำไปสู่การสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเริ่มต้น และขยายธุรกิจรายย่อยจากระดับชุมชนเชื่อมโยงกับ Supply Chain การส่งออก สู่ตลาดโลกได้

สำหรับ เงินที่ได้จากการออกบัตรเงินฝากสีเขียวในครั้งนี้ จะนำไปใช้เพื่อส่งเสริม สนับสนุนแก่ภาคธุรกิจ และผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจสีเขียว รวมถึงกิจการที่ต้องการปรับปรุงกระบวนการผลิต ผ่านบริการต่าง ๆ อาทิ EXIM Green Start, Solar D-Carbon Financing และ Green Guarantee เพื่อตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สำหรับต้นทุนในการระดม บัตรเงินฝากสีเขียวอายุ 3 เดือน จะอยู่ที่ 2.15% บัตรเงินฝากอายุ 6 เดือน อยู่ที่ 2.2% โดยทางธนาคาร จะนำไปปล่อยต่อให้เอสเอ็มอี ในอัตราไม่เกิน 5% ซึ่งจะต่ำกว่าเรทที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยอยู่ราวๆ 3-4%
นายรักษ์ กล่าวด้วยว่า ในปี 2567 นี้ EXIM BANK มีเป้าจะขยายพอร์ตในกลุ่มสินเชื่อเพื่อธุรกิจสีเขียวให้ได้ 39% ของพอร์ตสินเชื่อรวม และขยับขึ้นเป็น 50% ภายในปี 2571
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : EXIM BANK ประกาศความสำเร็จในการออกพันธบัตรสกุลเงิน ดอลลาร์สหรัฐ