“จุลพันธ์” เผยยกเลิก ดิวตี้ฟรี ขาเข้า ราบรื่นจบสวย รัฐไม่ต้องจ่ายชดเชย



จุลพันธ์ รมช.คลัง เผยยกเลิก ดิวตี้ฟรี ขาเข้า 8 สนามบิน จบสวย ผู้ประกอบการแสดงความยินดียกเลิก ดิวตี้ฟรี ไม่เรียกร้องรัฐจ่ายชดเชย คาด 1 เดือนดำเนินเรื่องสำเร็จ คาดจะกระตุ้นระบบเศรษฐกิจได้ 2 หมื่นล้าน

  • เผยตัวเลขยอดจำหน่ายสินค้า ผ่านร้านค้าดิวตี้ฟรี รวมกันในปี 66 อยู่ที่ประมาณ 3.5 พันล้านบาท
  • ชี้การยกเลิก จะทดลองก่อนเป็นเวลา 1 ปี จากนั้น จะนำผลลัพธ์ที่ได้ ไปวิเคราะห์ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
  • ย้ำชัดรัฐบาลไม่มีการยืดอายุสัมปทาน ให้ผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่ง เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบแนวทาง ยกเลิกร้านค้าปลอดภาษี ขาเข้า ใน 8 สนามบิน (Duty Free) ว่า เรื่องนี้ทางรัฐบาล ไม่ได้ใช้อำนาจในการสั่งยกเลิกด้วยกฎหมาย แต่เป็นการเห็นพ้องด้วยกันอย่างดี กับผู้ประกอบการ อีกทั้งทางผู้ประกอบการ ไม่ได้มีการเรียกร้องค่าชดเชยแต่อย่างใด

ทั้งนี้ เป้าหมายการ ยกเลิกร้านค้าปลอดภาษีขาเข้า รัฐบาลทำเพื่อต้องการ กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ อีกทั้งเพื่อสอดรับกับมาตรฐานสากล ที่หลายๆ สนามบินทั่วโลก เมื่อลงจากเครื่องบินแล้ว ก็ไม่มีร้านซื้อสินค้าปลอดภาษี เพื่อซื้อแบ้วนำเข้าไปใช้ในประเทศอีก

“ด้วยเหตุนี้ ทางกระทรวงการคลัง จึงเสนอให้มีการปรับเปลี่ยนไปตามเกณฑ์สากล โดยยกเลิกร้านค้าปลอดภาษีขาเข้า เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และช่วยให้รัฐจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น”

นายจุลพันธ์ กล่าวด้วยว่า เมื่อปลายปีที่แล้ว ครม. และ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีมติให้กระทรวงการคลังทำการศึกษาในเรื่องนี้ ประกอบกับที่ผ่านมาทาง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ก็มีการพูดคุยกับผู้ประกอบการ ที่ได้รับสัมปทานร้านปลอดภาษีขาเข้า ทั้ง 3 ราย ภายใน 8 สนามบิน

โดยจากการพูดคุย ทุกฝ่ายยอมรับที่จะยกเลิกพื้นที่ร้านค้าปลอดภาษีขาเข้า โดยไม่มีข้อแม้ใด เมื่อเป็นเช่นนั้นกระทรวงการคลังจึงนำเรื่องเสนอ ครม. อีกครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องแก้กฎหมาย กรมศุลดากรแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ในส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ เมื่อ ครม. มีมติรับทราบแล้ว ก็จะส่งเรื่องให้กระทรวงการคลัง และ AOT เข้าไปพูดคุยกับผู้ประกอบการ เพื่อดำเนินการยกเลิก ซึ่งน่าจะใช้เวลา 1 เดือน ก็คาดว่าจะแล้วเสร็จ

“ขอยืนยันว่า ทางผู้ประกอบการ ดิวตี ฟรี ทั้ง 3 ราย ได้ทำหนังสือแสดงความยินดี ที่จะยกเลิกร้านค้าปลอดภาษีขาเข้าโดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆ และที่สำคัญ ไม่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลชดเชยค่าเสียหาย จากการสูญเสียรายได้อีกด้วย เพราะทั้งหมดล้วนมีสัมปทานร้านค้าปลอดภาษีขาออกอยู่แล้ว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจมากกว่า”

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประกอบยังกล่าวว่า การยกเลิกร้านค้าปลอดภาษีขาเข้า ภายในสนามบิน จึงไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างมีนัยยะ อีกทั้ง นายจุลพันธ์ ยังขอกล่าวยืนยันด้วยว่า การดำเนินการดังกล่าวนี้ รัฐบาลไม่มีการยืดอายุสัมปทานให้กับผู้ประกอบการ รายใดรายหนึ่ง เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนแต่อย่างใดทั้งนั้น

ทั้งนี้ สำหรับตัวเลขยอดจำหน่ายสินค้า ผ่านร้านค้าปลอดภาษีขาเข้า ภายใน 8 สนามบิน รวมกัน ในปี 66 ที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 3,400-3,500 ล้านบาท โดยหวังว่า เมื่อมีการยกเลิกร้านค้าปลอดภาษีขาเข้าแล้ว เงินจำนวนนี้จะถูกกระจายไปใช้จ่ายไปในประเทศ ช่วยร้านค้าขนาดกลาง ขนาดเล็ก ให้ได้รับประโยชน์

อีกทั้งเมื่อบวกกับ ภาคการท่องเที่ยว ก็เชื่อว่าจะมาตรการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ค่าใช้จ่ายต่อหัว ของนักท่องเที่ยวขยับเพิ่มมากขึ้น และทำให้เกิดเงินหมุนเวียน ในระบบเศรษฐกิจโดยรวมกว่า 20,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น การยกเลิกร้านค้าปลอดภาษีขาเข้า จะมีการทดลองดำเนินการก่อนเป็นเวลา 1 ปี โดยจากนั้น จะนำผลลัพธ์ที่ได้ ไปวิเคราะห์ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และเสนอให้ ครม. พิจารณาดูว่า ควรทำอย่างไรต่อไป

นอกจากนี้ ในส่วนข้อกังวลที่ว่า การยกเลิกร้านค้าปลอดภาษีขาเข้า จะมีผลทำให้คนไทย หรือนักท่องเที่ยว หันไปซื้อสินค้าจากต่างประเทศมากขึ้น ทำให้เงินไหลออกไปนอกประเทศหรือไม่นั้น เรื่องเหล่านี้ กระทรวงการคลัง มองในหลายมิติ

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า อาจมีบางกลุ่มที่ซื้อจากต่างประเทศเข้ามาเพิ่ม แต่ภาพรวมต่อเศรษฐกิจ ก็ยังมีสูงกว่า ขณะที่ กลุ่มคนที่ซื้อจากร้านปลอดค้าภาษี ในช่วงขาออก และจะกลับมารับสินค้า ในตอนขาเข้ากลับเข้ามาในประเทศ ก็ยังสามารถทำได้อยู่ โดยมตินี้ ไม่ได้มีการห้ามเอาไว้แต่อย่างใด

กระทรวงการคลัง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ครม.เห็นชอบหลักการ 5 มาตรการส่งเสริมไทยเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยว