ธอส.จัด 3.75 หมื่นล้าน ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ

ธอส. เตรียมวงเงิน 37,500 ล้านบาท จัดทำ 4 ผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้มีรายได้น้อยให้มีบ้าน ชูดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 2.80% ต่อปี ผ่อนชำระล้านละ 3,500 บาท/เดือน

  • สินเชื่อบ้านลูกค้าสวัสดิการ ธอส. ปี 67 อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรกเท่ากับ 2.90% ต่อปี 
  • สินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อบุคลากรภาครัฐ ปี 67 อัตราดอกเบี้ยปีแรกเท่ากับ 2.90% ต่อปี 
  • โครงการบ้าน ธอส. แสนสุข ปี 67 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2 ปีแรก เท่ากับ 3.25% ต่อปี ผ่อนได้นานสูงสุด 40 ปี 

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและครอบครัวได้ง่ายมากขึ้น ธอส. ได้เตรียมกรอบวงเงิน 37,500 ล้านบาท ด้วยการจัดทำ 4 ผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ให้สามารถลดภาระการผ่อนชำระเงินงวดให้ต่ำลง สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ในการช่วยเหลือด้านรายได้ และลดรายจ่ายให้กับลูกค้าประชาชนทุกกลุ่มสาขาอาชีพ โดยรายละเอียดของสินเชื่อทั้ง 4 ผลิตภัณฑ์ มีดังนี้

1.สินเชื่อบ้านอยู่เย็น เป็นสุข กรอบวงเงิน 2,500 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติมซ่อมแซม ซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย(เฉพาะ Solar Roof เท่านั้น) เพื่อให้เป็นบ้านประหยัดพลังงาน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3  ปีแรก สำหรับลูกค้าสวัสดิการ อัตราดอกเบี้ยปีที่1 เท่ากับ 2.80% ปีที่2 เท่ากับ 3.00% ปีที่3 เท่ากับ 4.15% เฉลี่ย3 ปีแรกเพียง3.32% ต่อปี ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญาเท่ากับ MRR-1.00% (อัตราดอกเบี้ย MRR ธอส. ปัจจุบันอยู่ที่ 6.90% ต่อปี) โดยกรณีกู้ 1 ล้านบาท เวลา 40 ปี ผ่อนชำระเริ่มต้น3,500 บาทต่อเดือน และสำหรับลูกค้ารายย่อย อัตราดอกเบี้ยปีที่1 เท่ากับ 2.95% ปีที่ 2 เท่ากับ 3.25%  ปีที่3 เท่ากับ 4.30% ต่อปี เฉลี่ย 3 ปีแรกเพียง 3.50%  ปีที่4 จนถึงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี กรณีกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลา 40 ปี ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง3,600 บาทต่อเดือน ยื่นคำขอกู้ตั้งแต่วันนี้ –29 มี.ค.67 อนุมัติและทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 เม.ย.67

2.สินเชื่อบ้านลูกค้าสวัสดิการ ธอส. กรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท สำหรับลูกค้าสวัสดิการที่หน่วยงานทำข้อตกลงโครงการสวัสดิการเงินกู้ที่อยู่อาศัยประเภทไม่มีเงินฝากกับธนาคาร และต้องการกู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม ซื้อที่ดินเปล่าทรัพย์ NPA ของธอส. ไถ่ถอนจากสถาบันการเงินอื่น(รีไฟแนนซ์) และชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่1 เท่ากับ 2.90% ปีที่2-3เท่ากับ 3.80% เฉลี่ย3ปีแรกเพียง3.50% ปีที่4 ตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR-1.50% กรณีชำระหนี้ฯ ปีที่4 ตลอดอายุสัญญาเท่ากับ MRR กรณีกู้ 1 ล้านบาท เวลา 40 ปี ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,600 บาทต่อเดือน ยื่นคำขอกู้ตั้งแต่วันนี้–29 มี.ค.67 อนุมัติและทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 เม.ย.67

3.โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อบุคลากรภาครัฐ กรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับข้าราชการพนักงานราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงานรัฐวิสากิจ และลูกจ้างประจำ ที่ต้องการกู้เพื่อซื้อปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม ไถ่ถอนจากสถาบันการเงินอื่น (รีไฟแนนซ์) ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และเพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวก ดอกเบี้ยปีที่1 เท่ากับ2.90% ปีที่2 เท่ากับ 3.75%ปีที่ 3 เท่ากับ 3.90% ต่อปี โดยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.52% ปีที่ 4-6 เท่ากับ MRR-2.75% ปีที่ 7-9 เท่ากับMRR-2.00% ปีที่10ตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR-1.50% เว้นกรณีชำระหนี้/ซื้ออุปกรณ์ฯเท่ากับMRR กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้น 5,500 บาทต่อเดือน ยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่30 ธ.ค. 67

4.โครงการบ้าน ธอส. แสนสุข กรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ต้องการกู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้างไถ่ถอนจากสถาบันการเงินอื่น (รีไฟแนนซ์) ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-2 เท่ากับ3.25% ปีที่ 3 เท่ากับ 4.25% เฉลี่ย 3 ปีแรกเพียง3.58% ปีที่ 4-5 เท่ากับ MRR-2.50% ปีที่ 6-7 เท่ากับ MRR-2.00% ปีที่ 8 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.75% ยกเว้น กรณีชำระหนี้/ซื้ออุปกรณ์ฯ เท่ากับ MRR กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 5,500 บาทต่อเดือน ยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธ.ค. 67 “ธอส. พร้อมช่วยเหลือลูกค้าผู้มีรายได้น้อยและปานกลางทุกกลุ่มอาชีพ ให้มีภาระในการผ่อนชำระเงินงวดลดลง ผ่านสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำและคงที่นานสูงสุด 3 ปี เพื่อให้ลูกค้ามีเงินเหลือเพียงพอเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพได้ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ที่ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐ เข้ามามีส่วนช่วยเหลือในการลดค่าครองชีพให้กับประชาชน”