

รัฐบาล มุ่งยกระดับ อุตสาหกรรมโดรนเพื่อการเกษตร ผ่านการสนับสนุนโครงการ “1 ตำบล 1 ดิจิทัล (ชุมชนโดรนใจ) One Tambon One Digital” สร้างระบบนิเวศทางดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก รายได้ และลดต้นทุนให้แก่เกษตรกร
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มุ่งมั่นผลักดัน ให้เกิดการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลด้านการเกษตร (Digital Agriculture) เพิ่มทักษะทางดิจิทัลให้กับเกษตรกรไทย สร้างระบบนิเวศดิจิทัลให้สมบูรณ์ พร้อมสนับสนุนการดำเนินโครงการ “1 ตำบล 1 ดิจิทัล (ชุมชนโดรนใจ) One Tambon One Digital” ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีโดรนเพื่อการเกษตร ในกระบวนการเพาะปลูกและดูแลรักษาพืช เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน พร้อมทั้ง สนับสนุน ให้เกิดการพัฒนา ทักษะอาชีพใหม่ ให้แก่ช่างซ่อมโดรนชุมชน สร้างอาชีพใหม่ สร้างรายได้เพิ่ม ยกระดับการเกษตรกรรมของประเทศสู่สังคมดิจิทัล
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากแนว นโยบาย The Growth Engine of Thailand เครื่องยนต์ใหม่ ของประเทศไทย ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่มุ่งเน้น การเพิ่มขีดความสามารถ ด้านดิจิทัล สร้างข้อได้เปรียบ ทางการแข่งขัน ของประเทศ (Thailand Competitiveness) การสร้างความมั่นคงและปลอดภัยของเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล (Safety & Security) รวมถึงการเพิ่มศักยภาพ ทุนมนุษย์ ด้านดิจิทัลของประเทศ (Human Capital) พร้อมส่งเสริม ให้เกษตรกร และชุมชนไทย ประยุกต์ นำเทคโนโลยีนวัตกรรมดิจิทัลมาใช้รองรับกับการเปลี่ยนแปลงในโลกอนาคต
ทั้งนี้ ทางสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ภายใต้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนิน โครงการ “1 ตำบล 1 ดิจิทัล (ชุมชนโดรนใจ) One Tambon One Digital” ส่งเสริม การใช้เทคโนโลยี โดรนเพื่อกิจการทางการเกษตร เพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิต ซึ่งเป็นโดรน ที่ผลิตในประเทศไทย และ ผ่านการรับการรับรองมาตรฐาน dSURE
นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการพัฒนาความสามารถ และองค์ความรู้ ด้านการซ่อมโดรนเพื่อการเกษตร ให้ช่างในชุมชน เช่น ช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า ช่างอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงช่างอื่นๆ สู่การเป็นช่างซ่อมโดรนเกษตรในชุมชน เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ พัฒนาทักษะดิจิทัล ยกระดับภาคเกษตรของไทย ด้วยเทคโนโลยีโดรน
โดยตั้งเป้าหมาย ภายในระยะเวลา 1 ปี เกิดศูนย์ซ่อมโดรนเพื่อการเกษตรทั่วประเทศ 50 ศูนย์ เกิดการใช้งานโดรน 500 ชุมชน หรือกว่า 10,000 ครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่เกษตรกรรมรวมทั้งสิ้นกว่า 4 ล้านไร่
ทั้งนี้ โดรนเพื่อการเกษตร สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิต ลดระยะเวลา การทำงาน ทำให้ ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย โดยสำนักงานฯ ยังมีการอนุมัติศูนย์ซ่อมโดรนเพื่อการเกษตรไปแล้ว จำนวน 35 แห่ง
แบ่งเป็น ภาคเหนือ 8 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 แห่ง ภาคกลางและภาคตะวันตก 5 แห่ง ภาคตะวันออก 2 แห่ง และภาคใต้ 1 แห่ง
รวมทั้งมีการจัดตั้งศูนย์พัฒนาทักษะการบิน การออกใบอนุญาต และการพัฒนาเทคโนโลยีโดรนเพื่อการเกษตร ที่ดำเนินงานร่วมกับภาคเอกชน รวมถึงการพัฒนาระบบฝึกอบรมโดรนที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เพื่อพัฒนาทักษะนักบินโดรนและช่างซ่อมบำรุงโดรน ซึ่งคาดว่าตลอดทางโครงการจะก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 20,000 ล้านบาท
“นอกจากนายกรัฐมนตรีจะให้ความสำคัญกับราคาผลผลิตการเกษตรแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้การดำเนินกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร จะสามารถช่วยลดเวลา ต้นทุนค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตต่อไร่ พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกิดอาชีพใหม่จากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ซึ่งการสร้างระบบนิเวศทางดิจิทัลนี้ จะ พัฒนาทักษะ สร้างรายได้ให้แก่พี่น้องเกษตรกร และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศด้วย” นายชัย กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : นายกฯ ชี้แจง สภาฯ รายละเอียด ดิจิทัลวอลเล็ต ยืนยันเป็นไปตามกฎหมาย