นายกฯลั่น 30 วันต้องชัดเจนปราบอาชญากรรมไซเบอร์ ต้องจับรายใหญ่ให้ได้ อย่าแค่แหกตาจับแต่ปลาเล็กปลาน้อย ถือเป็นเรื่องซีเรียส เพราะ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนทุกวัน ทั้งเว็บพนัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เฟคนิวส์
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง มอบนโยบายให้กับข้าราชการตำรวจและเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)ว่า งานที่บช.สอท.ดูแลอยู่ ทั้งเรื่องหวยออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บพนัน และเฟคนิวส์ ล้วนมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ต้องมีความรับผิดชอบให้ประชาชนอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ได้รับความคุ้มครองอย่างเป็นธรรม
“ปัจจุบันเทคโนโลยีไปไกลมาก และการที่ประชาชนถูกมอมเมา ถูกหลอกลวง ถูกต้มตุ๋น ซึ่งบางคนเก็บเงินมาทั้งชีวิตถูกคอลเซ็นเตอร์หลอกไปหมดเลย บางคนเก็บเงินไว้รักษาพ่อแม่ และเก็บเงินไว้ส่งลูกเรียนต่อหรือ ส่งลูกเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอก นี่ไม่ใช่เป็นปัญหาของการที่เขาถูกหลอกลวง แต่เป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศด้วย เรื่องเหล่านี้ ไม่ใช่ที่จะมาพูดเล่น ๆ หรือมาสร้างภาพ ผมมาที่นี้ไม่ได้มาเพื่อสร้างภาพ แต่มาเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาอันใกล้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มีใครใหญ่กว่าประชาชน ต้องการทำงานให้เร็ว และไม่ใช่จับแต่รายเล็ก ต้องการรายใหญ่ เชื่อว่าทุกคนรู้อยู่แล้วในหน่วยงานใครที่ทำผิดกฎหมายอยู่บ้าง ไม่มีเวลาที่จะต้องมาหาเหตุผลว่าทำไมถึงทำไม่ได้ เชื่อว่าเราอยู่ในบริบทที่จะมาอธิบายว่า การทำไม่ได้มันไม่ใช่ ต้องทำให้ได้ด้วยเหตุผล จับรายใหญ่ให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะตอบสังคมลำบาก เพราะเป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศ หน่วยงานของท่านสังคมเพ่งเล็ง
“ผมยืนยันว่าจะไม่ปกป้อง จะไม่นิ่งเฉย หากไม่มีผลงานเกิดขึ้น ผมว่ามีปัญหาแน่นอน เราอยู่พวกเดียวกัน ฝ่ายเดียวกัน โดยไม่ต้องคำนึงถึงนักการเมืองหรืออะไรก็ตามจะมาครอบงำ วันนี้เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ผลงานของเราจะเป็นที่ประจักษ์ ขอเป็นนิมิตหมายอันดีและเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ของการที่เราเข้ามาดูแลประชาชน ภายใน 30 วันนี้ชัดเจนว่าจะจับอะไรให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นหวยออนไลน์ หรืออะไรที่เกิดขึ้น ซึ่งพี่น้องถูกหลอกลวงทุกวันนี้ยังมีอยู่ ขอเลยเรื่องนี้จะต้องทำงานกันอย่างชัดเจนและใกล้ชิด เพราะเทคโนโลยีไปไกลมาก ผมยืนยันเรื่องนี้เป็นเรื่องซีเรียส ยืนยัน 30 วันต้องชัดเจน” นายเศรษฐากล่าว
นอกจากนี้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมที่จะทำงานร่วมกัน และจะเจอรัฐมนตรีดีอีในวันที่ 2 เม.ย.นี้ จะกำชับอย่างเด็ดขาดว่าต้องทำงานร่วมกัน อย่ามีการโยนความผิดซึ่งกันและกัน อย่าบอกว่าคนนี้ไม่ให้ความร่วมมือ
