รพ.จุฬาฯ นำ แพทย์สหสาขาวิชาชีพ เปิด แสงแห่งความหวัง 4 โครงการ

โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
“เตช บุนนาค” เลขาธิการสภากาชาดไทย นำทีมโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดโครงการ “แสงแห่งความหวัง” การรักษาพยาบาลด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ


โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย นำทีม แพทย์สหสาขาวิชาชีพ เปิดโครงการ “แสงแห่งความหวัง” ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ใช้ไฮเทคการแพทย์ขั้นสูงช่วยเหลือผู้ป่วยด้อยกาสเข้าถึงการรักษา 4 โครงการ “ผ่าตัดมะเร็ง-เนื้องอก-กระดูก-ตา”

นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย เปิดเผยว่า โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสหสาขาวิชาชีพ เปิดโครงการ “แสงแห่งความหวัง” การรักษาพยาบาลด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้มีโอกาสเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับโรค สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็ว ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยผ่านนิทรรศการ

ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสหสาขาวิชาชีพ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสหสาขาวิชาชีพ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ร่วมใจกันให้บริการผ่าตัดผู้ป่วยด้อยโอกาส ได้รับการรักษาโรคมะเร็ง เนื้องอก กระดูก ตา

ด้วยสภากาชาดไทย มีวิสัยทัศน์และพันธกิจมุ่งเน้นส่งเสริมและช่วยเหลือประชาชนรวมถึงผู้ด้อยโอกาสด้วยจิตสาธารณะ สิ่งสำคัญยิ่งคือให้บริการทางการแพทย์และการดูสุขภาพของประชาชน ด้วยโครงการเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง ทางโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และสภากาชาดไทย มีความมุ่งมั่นตั้งใจให้บริกาแบบครบวงจร โดยทีมคณะผู้บริหาร แพทย์ พยาบาล รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน จึงได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ดูแลและให้บริการรักษาผู้ป่วยด้วยตลอดจนการคิดค้น การสร้างนวัตกรรมทางการแพทย์และการพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงนำเครื่องมือที่ทันสมัยผนวกกับการสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ เพื่อนำไปใช้ในการดูแลรักษาสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่เข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ยาก จึงได้สนับสนุนกิจกรรมอันเป็นประโยชน์อย่างต่อเนื่อง หลายเรื่องก็ได้นำไปใช้ในประเทศอื่นอย่างแพร่หลาย ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาลต่อประชาคมโลก

รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า โรงพยาบาลมีความสามารถทางการแพทย์และการรักษาพยาบาล เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิที่มีศักยภาพสูง สามารถให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่มีโรคซับซ้อนได้เป็นอย่างดี ปี 2567 ได้จัดทำโครงการรักษาพยาบาลด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง 4 โครงการ ได้แก่

  • โครงการที่ 1 รักษาโรคมะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอน ดำเนินการรักษาผู้ป่วย 72 ราย
  • โครงการที่ 2 ผ่าตัดโรคเนื้องอกในช่องอกและช่องท้องด้วยหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ดำเนินการรักษาผู้ป่วย 72 ราย
  • โครงการที่ 3 ผ่าตัดกระดูกสันหลังด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ดำเนินการรักษาผู้ป่วยจำนวน 36 ราย
  • โครงการที่ 4 ตาดี ดำเนินการรักษาผู้ป่วย 36 ราย

โครงการทั้งหมดข้างต้นจึงเป็น “แสงแห่งความหวัง” เพิ่มโอกาสการเข้าถึงการรักษาให้กับผู้ป่วยที่มีโรคซับซ้อนโดยไม่คิดมูลค่า เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้ผู้ป่วยได้รับผลประโยชน์สูงสุด เข้าถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงที่มีศักยภาพ มีประสิทธิภาพ มีความทันสมัย มีความแม่นยำ ปลอดภัย และผลข้างเคียงต่ำ มาช่วยในกระบวนการรักษา ในเวลาที่เหมาะสมที่สุด ลดภาวะแทรกซ้อนจากการนอนที่โรงพยาบาลเป็นระยะเวลานาน ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็ว และกลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวได้อย่างมีความสุขต่อไป

รศ.นพ.ชลเกียรติ  ขอประเสริฐ หัวหน้าศูนย์โปรตอนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สาขารังสีรักษาและมะเร็งวิทยา ฝ่ายรังสีวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, นายกสมาคมรังสีรักษาและมะเร็งวิทยาแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า โครงการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง มุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย หรือ โครงการรักษาโรคมะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอน ซึ่งศูนย์โปรตอนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้ติดตั้งเครื่องรักษาโรคมะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอนเครื่องแรกของไทยและในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งให้หายมีสุขภาพชีวิตที่ดี อนุภาคโปรตอนมีความแม่นยำสูงมากในการรักษาโรค สามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและไม่ต้องลดปริมาณรังสี ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีโอกาสหายจากโรคมากขึ้น

รศ.นพ.กมล  ภานุมาตรัศมี ฝ่ายศัลยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคเนื้องอกในช่องอกและช่องท้องจำนวนมากในหน่วยศัลยศาสตร์ทั่วไป ศัลยศาสตร์ทรวงอก ศัลยศาสตร์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ศัลยศาสตร์ยูโรระบบทางเดินปัสสาวะ ต้องเข้ารับการผ่าตัด โดยผู้ป่วยส่วนมากจะเข้ารับการผ่าตัดด้วยวิธีแบบเปิด และการผ่าตัดแบบส่องกล้อง เพราะไม่สามารถเข้าถึงการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดได้เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่สูง ดังนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้านจึงร่วมกันในโครงการผ่าตัดโรคเนื้องอกในช่องอกและช่องท้องด้วยหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด  รักษาผู้ป่วยจำนวน ๗๒ ราย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาด้วยหุ่นยนต์ผ่าตัด เทคโนโลยีขั้นสูแบบแผลเล็ก ให้ผลการรักษาดีมาก เสียเลือดน้อย มีภาวะแทรกซ้อนต่ำ ผู้ป่วยจึงฟื้นตัวหลังผ่าตัดได้เร็วขึ้น

รศ.นพ.วิชาญ ยิ่งศักดิ์มงคล หัวหน้าฝ่ายออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันการผ่าตัดกระดูกสันหลังมีมากขึ้นในกลุ่มผู้ป่วยสูงอายุที่มีภาวะกดทับเส้นประสาทจากการเสื่อมของกระดูกสันหลัง และผู้ป่วยสูงอายุมักจะมีโรคประจำตัวมาก รวมถึงมีความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด การใช้เทคโนโลยีการผ่าตัดกระดูกสันหลังแบบเจาะรูแผลเล็กจึงมีบทบาทเพื่อลดการบาดเจ็บต่อกล้ามเนื้อ ลดการเสียเลือด ลดเวลาการผ่าตัด และลดเวลาพักฟื้นของผู้ป่วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ป่วยเอง ทางโรงพยาบาลมีความพร้อมให้บริการผู้ป่วยตามรูปแบบดังกล่าว โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ได้แก่ Endoscopic surgery, Navigation assisted spine surgery, Robotic assisted spine surgery

ส่วนวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ผ่าตัดโดยวิธีนี้ปัจจุบันยังมีราคาแพง ผู้ป่วยที่รักษาด้วยวิธีการนี้จะมีส่วนเกินสิทธิ์รักษาขั้นพื้นฐาน ทำให้ผู้ป่วยบางรายไม่สามารถเข้าถึงการรักษาวิธีนี้ได้ ฉะนั้นโครงการนี้จึงเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาการผ่าตัดด้วยความแม่นยำ ปลอดภัย บาดเจ็บน้อยและฟื้นตัวได้เร็ว กลับไปใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้น จึงได้ร่วมกับทีมแพทย์อีกหลายท่าน ดำเนินโครงการเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วย 36 ราย

รศ.(พิเศษ)พญ.อุษณีย์ เหรียญประยูร หัวหน้าโครงการตาดี ฝ่ายจักษุวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ฝ่ายจักษุวิทยามีเป้าประสงค์ที่ต้องการรักษาผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการ ที่ต้องรอคอยกระจกตาบริจาคเป็นระยะเวลานาน ประสพปัญหาการขาดแคลนกระจกตาบริจาค โครงการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย “โครงการตาดี” ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการที่มีโอกาสเข้าถึงการรักษาได้ยากและติดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ได้เข้าถึงการรักษาโรคกระจกคาพิการโดยผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา รักษาโรคกระจกตาพิการด้วยการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาเทียม และผ่าตัดใส่วงแหวนเพื่อปรับรูปร่างกระจกตา

“โครงการตาดี” จะทำให้ผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการ 36 ราย มีโอกาสเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ทันสมัย และเท่าเทียมกันกับผู้ป่วยรายอื่นๆ ลดระยะการรอคอยกระจกตาบริจาค ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและรวดเร็ว เป็นประโยชน์กับผู้ป่วยทุกคน

เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza

โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เอ็น15 เทคโนโลยี ผนึกรพ.จุฬาลงกรณ์ จัดการขยะสู่เชื้อเพลิงทดแทน