‘รองนายกฯ ประเสริฐ’ ปลุกทุกภาคส่วน ร่วมผลักดันประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญปัญหาสิ่งแวดล้อมเตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ชื่นชม ‘GC’ จับมือทุกฝ่ายผลักดันแนวคิด ‘ยั่งยืนไม่ยาก’
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวในการปาฐกถาพิเศษ เปิดงาน GC Sustainable Living Symposium 2024 ซึ่งจัดโดยบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ภายใต้แนวคิด ‘ยั่งยืนไม่ยาก’ ซึ่งเป็นการรวมพลังครั้งสำคัญของคนหัวใจรักษ์โลก หรือ GEN S (Generation Sustainability) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำว่า ‘การสร้างความยั่งยืน≠ยาก’ และเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน เวทีการเสวนาที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้จะเกิดการระดมความคิดเห็น บอกเล่าวิธีแก้ปัญหาแบ่งปันเรื่องราวการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของผู้คน ตลอดจนสะท้อนให้เห็นว่า บทบาทของภาคธุรกิจที่จะร่วมกันก้าวข้ามความยากสู่ความยั่งยืนไปด้วยกันเป็นอย่างไรซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการผลักดันประเทศไทยไปสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม
การขับเคลื่อนการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ต้องได้รับความร่วมมือระหว่างกัน
นายประเสริฐ กล่าวว่า การขับเคลื่อนการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความร่วมมือระหว่างกันและกระผมรู้สึกประทับใจมากที่ได้เห็น Gen S จากทุกภาคส่วน ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม มาร่วมหาแนวทางและแบ่งปันประสบการณ์และเผยแพร่นวัตกรรมที่ทันสมัยที่จะมาสร้างสมดุลทางสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคนอย่างเท่าเทียม และจะส่งผลต่อเศรษฐกิจ และสังคมตลอดจนความน่าเชื่อถือของประเทศไทยบนเวทีโลก ภาครัฐได้ให้ความสำคัญและขับเคลื่อนเรื่องการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนและพยายามร่วมกันลดผลกระทบมานับ 10 ปี
“วันนี้เราทุกคนได้ตระหนักชัดแล้วว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีความรุนแรงมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั่วโลกและประเทศไทย และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากขึ้นในอนาคต เมื่อภาวะโลกร้อนได้ยกระดับความรุนแรงจนเรียกได้ว่าเข้าสู่ภาวะโลกเดือด(Boiling World) ที่ส่งผลให้เกิดความแห้งแล้งรุนแรงในหลายพื้นที่ทั่วโลก ขณะที่พายุฝนประจำถิ่นสร้างความเสียหายแก่หลายประเทศมากกว่าที่เคยเป็นมา และอุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรที่สูงขึ้นทำให้เรายังได้พบเจอกับ Rain Bomb ที่มีคนเปรียบเทียบว่าเหมือนระเบิดฝนที่ตกลงมาคล้ายกับ ‘สึนามิจากฟ้า’ มีความรุนแรงและความรวดเร็วจนพี่น้องประชาชนในภาคเหนือและทภาคใต้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหนักเฉียบพลัน ซึ่งสร้างความเสียหายทั้งทางความเป็นอยู่ ทรัพย์สินและเศรษฐกิจท้องถิ่นในวงกว้าง” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีกล่าว
รัฐบาลเดินหน้าทำงานกับทุกภาคส่วนในการแก้วิกฤตสิ่งแวดล้อมของไทย
รัฐบาลจะเดินหน้าทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนในการแก้วิกฤตสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย โดยมีนโยบายและแผนพลังงานชาติที่กำหนดแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ.2065 เรากำหนดเป้าหมายให้มีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50% ภายใน ปีพ.ศ.2573 ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากภาคไฟฟ้าและขนส่งได้อย่างมีนัยสำคัญ และที่สำคัญไม่แพ้กันคือความท้าทายจากการใช้กลไกราคาคาร์บอนมากำหนดมาตรการทางภาษี ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและการดำเนินธุรกิจทั่วโลก
กลไกภาษีคาร์บอนมีความจำเป็น
ดังนั้น การกำหนดนโยบาย เช่น กลไกภาษีคาร์บอน ควบคู่กับการกลไกสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำต่าง ๆ ของประเทศไทย จึงมีความจำเป็นต้องขับเคลื่อนโดยการร่วมคิดของทุกภาคส่วน เพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการไทย
รัฐบาลมุ่งที่จะสนับสนุนภาคเอกชนในการใช้พลังงานหมุนเวียนการพัฒนาเทคโนโลยีสะอาดไปพร้อมกับการส่งเสริมการปรับตัวเพื่อลดความสูญเสียจากภัยธรรมชาติ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงในมิติของการลงทุน รัฐบาลให้การสนับสนุนแนวทางของกองทุน ESG ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้น อันจะเป็นกลไกสำคัญในการลงทุนเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยังช่วยภาคธุรกิจสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
สนับสนุนระบบ Circular System เพื่อลดขยะและสร้าง Value chain
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีโครงการแก้ปัญหาขยะล้นเมือง โดยรัฐจะสนับสนุนระบบ Circular System เพื่อลดปริมาณขยะและเป็นการสร้าง Value chain สนับสนุนการคัดแยก การขนส่ง การจัดเก็บและการทำลายให้ถูกวิธี อย่างไรก็ดี การที่ประเทศไทยของเราสนับสนุนกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมให้มีความเข้มแข็ง เป็นการสร้างผลลัพธ์ที่ดี ด้านการลงทุนจากต่างประเทศ นักลงทุนจากทั่วโลกเชื่อมั่นในภาคอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยั่งยืน
รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมความร่วมมือทุกระดับ เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น การเข้าถึงบริการพลังงานสะอาด ในราคาที่เหมาะสมและมีความน่าเชื่อถือภายในปีพ.ศ.2573 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพลังงานหมุนเวียนต่าง ๆเช่น การสร้าง Ecosystem ของการผลิตและใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ผลิตพลังงานชีวมวล และการลงทุนด้านการบริหารจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมของไทยได้รับเสียงชื่นชมในระดับโลก
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : GC จับมือทุกภาคส่วน ร่วมผลักดันประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ