ครม.ไฟเขียว ตรึงค่าไฟ 4.18 บาทต่อหน่วย ถึงปลายปี

ครม.ไฟเขียว ตรึงค่าไฟฟ้า
ครม.ไฟเขียว ตรึงค่าไฟ 4.18 บาทต่อหน่วยถึงปลายปี


ครม.ไฟเขียว ตรึงค่าไฟ 4.18 บาทต่อหน่วยถึงปลายปี พร้อมกำหนดเพดานขายดีเซล 33 บาทต่อลิตร ไปถึง 31 ต.ค.นี้ “พีระพันธุ์” ชี้เป็นระยะเวลาที่กองทุนน้ำมันจะรับภาระไหว ก่อนคุยคลังหามาตรการภาษีช่วยเหลือเพิ่ม

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ ใน “X” ว่า “มีข่าวดีจากที่ประชุม ครม. มาบอกพี่น้องประชาชน ทุกคนครับ วันนี้ ครม. รับทราบมาตรการลดภาระค่าใช้จ่าย ด้านพลังงาน ให้แก่ประชาชน ซึ่ง เดิม ครม. มีมติเมื่อวันที่ 7 พ.ค. กำหนด เพดานราคาน้ำมันดีเซล ให้ไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร แต่ จะสิ้นสุดลง ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ โดย ให้ใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตรึงราคาน้ำมันดีเซล ไม่เกิน 33 บาท/ลิตร แต่อัตราการชดเชย ต้องไม่เกิน 2 บาท/ลิตร ต่อไปจนถึงวันที่ 31 ต.ค. 67 ซึ่ง ต้องดำเนินการตามกฎหมาย และ มติ ครม. ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย”

“นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบ มาตรการลดภาระค่าไฟฟ้า ให้แก่ประชาชน ในช่วงเวลา 4 เดือน (ก.ย. – ธ.ค. 67) ซึ่ง เป็นมาตรการต่อเนื่องจาก มาตรการให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าเดิม ซึ่ง จะสิ้นสุดในเดือน ส.ค. นี้”

ประกอบด้วย

  • 1. บริหารจัดการอัตราค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ย ให้อยู่ที่ระดับ 4.18 บาท/หน่วย
  • 2. ตรึงอัตราค่าไฟฟ้า 4.18 บาท/หน่วย
  • 3.ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า 19.05 สตางค์/หน่วย แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือนครับ”

ครม.เห็นชอบมาตรการในการดูแลค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบาง

นาย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบ ตามที่กระทรวงพลังงาน เสนอ มาตรการดูแลราคาพลังงาน โดย ในส่วนของอัตราค่าไฟฟ้า งวดปลายปี 2567 (ก.ย. -ธ.ค.) ให้ คงอัตราค่าไฟเท่าเดิม ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย รวมทั้ง มีมาตรการ ในการดูแลค่าไฟฟ้า สำหรับกลุ่มเปราะบาง ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน

ส่วนราคาน้ำมันดีเซล ครม.รับทราบ การกำหนดเพดาน ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ที่ไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่ง เป็นราคาตามที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะรับภาระได้ โดย จะตรึงเพดานที่ราคานี้ไปจนถึงวันที่ 31 ต.ค.2567

จะหารือกับก.คลัง อาจลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเ

หลังจากนั้น ก็จะดูสถานการณ์ และมาตรการที่จะดูแลราคาน้ำมันต่อเนื่อง โดยจะหารือกับกระทรวงการคลังที่อาจจะมีการใช้แนวทางการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเข้ามาเป็นมาตรการเสริม หรืออาจจะมีมาตรการอื่นๆเข้ามาช่วยตรึงราคาน้ำมันเพิ่มเติม

นายพีระพันธุ์กล่าวว่าในส่วนของการใช้หนี้คืนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นั้นในส่วนของค่าไฟที่ 4.18 บาทต่อหน่วย ก็เป็นการทยอยใช้หนี้ส่วนนี้คืนให้กับ กฟผ.อยู่แล้ว แต่เป็นการทยอยใช้คืนไม่ใช่การคืนหนี้ทั้งก้อนเป็นก้อนใหญ่ซึ่งจะกระทบกับค่าไฟแล้วประชาชนมาเป็นภาระกับประชาชน สำหรับเรื่องของการแก้กฎหมายในการกำหนดเพดานราคาน้ำมันตนเองเร่งที่จะทำกฎหมายในส่วนนี้อยู่ ซึ่งยอมรับว่ายังไม่ทันในช่วงสิ้นเดือน ต.ค.นี้ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องเสนอเข้าสภาฯตามขั้นตอนทางกฎหมายโดยเร็ว

ทั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นเพราะเราอยู่กันแบบนี้มา 50 ปีแล้ว ไม่มีกฎหมายที่จะกำหนดราคาน้ำมันของรัฐบาลเลยทั้งที่เรื่องนี้กระทบกับพี่น้องประชาชนอย่างมาก ซึ่งกฎหมายก็ต้องมาดูไปถึงอำนาจของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยที่เดิมเคยมีอำนาจทั้งในการกำหนดดานราคาน้ำมัน และกำหนดสัดส่วนของการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องดูไปควบคู่กันไป

“เราอยู่กันมาแบบนี้นานกว่า 50 ปีไม่มีกฎหมายในการดูแลราคาน้ำมันทั้งที่กระทบกับประชาชนจำนวนมาก พอราคาน้ำมันแพงเราก็บ่นกันแต่ข้อเท็จจริงคือราคาเนื้อน้ำมัน จริงๆในประเทศ 20 กว่าบาทต่อลิตรเท่านั้น แต่องค์ประกอบของราคาน้ำมัน 1 ลิตรนั้นยังประกอบไปด้วยส่วนผสมของเอทานอล และไบโอดีเซล รวมทั้งมีภาษีในส่วนต่างๆ เช่นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเราเสียอยู่ลิตรละ 5.99 บาทต่อลิตร ราคาน้ำมันของเราจึงมาอยู่ที่ 38 – 40 บาทต่อลิตร ซึ่งในเรื่องนี้หากมีกฎหมายเราก็จะดูแลราคาน้ำมันให้ประชาชนได้”

ทำเนียบรัฐบาล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “พีระพันธุ์” ยัน ตรึงค่าไฟ ที่หน่วยละ 4.18บาท อีก 4 เดือน พยายามอุ้มดีเซลที่ลิตรละ 33บาท