

ครม.ไฟเขียวเดินหน้า ออกพ.ร.บ.รายจ่ายเพิ่มเติมปี 67 เป็นรายจ่ายเพิ่มเติม เดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต เตรียมชงกรอบวงเงินเข้าครม.28 พ.ค.นี้ หลังประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน

นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 (งบฯกลางปี 67)และปฏิทินการจัดทำงบประมาณรายจ่ายงบฯกลางปี 2567 เพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการเดินหน้ามาตรการดิจิทัลวอลเล็ต
โดยขั้นตอนต่อไปจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานโดยเร็วที่สุด เพื่อปรับกรอบการคลังระยะปานกลางใหม่ และนำเสนอให้ที่ประชุมครม.รับทราบในวันที่ 28 พ.ค.นี้
ทั้งนี้มติครม.ได้มอบหมายว่าในการทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 5 แสนล้านครม.ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง และ สำนักงบประมาณไปดูความเหมาะสมของแหล่งเงิน ซึ่งทั้งสองหน่วยงานได้หารือกันแล้ว โดยรัฐบาลมีทางเลือกที่จะใช้งบกลางฯ หรืออาจจะใช้ในเรื่องของการโอนงบประมาณ ซึ่งทำให้เรื่องอื่นๆล่าช้าออกไป ไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ และไม่ได้เป็นทางเลือกที่ดี
แม้ว่ามีการเร่งการอนุมัติงบประมาณในปี 2567 ที่ออกไปตั้งแต่เดือน เม.ย.ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกับระบบเศรษฐกิจที่เราเร่งรัดการเบิกจ่ายได้ตามเป้า ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการออก พ.ร.บ.งบกลางปี 2567 เพิ่มเติม
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลกล่าวว่าการจัดทำงบประมาณเพิ่มเติมคาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 120,000 ล้านบาท
รัฐบาลต้องยึดกฎหมายหลักๆ 3 เรื่อง
อย่างไรก็ตามรัฐบาลต้องดูในเรื่องของกฎหมายหลักๆ 3 เรื่อง คือเรื่องของ พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง และ ที่สำคัญคือกรอบของหนี้สาธารณะที่ต้องไม่ให้หนี้สาธารณะเกิน 70% โดยรายละเอียดทั้งหมดจะเข้าสู่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลัง และจะเสนอให้ครม.
“ตัวเลขของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ซึ่งมีการขยายตัวได้ 1.5% ก็เห็นว่าเศรษฐกิจของเราเติบโตต่ำที่สุดในอาเซียน ซึ่งเรื่องนี้จึงเป็นเหตุจำเป็นให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
ในระยะต่อไปจะเป็นการทำงานเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและการดึงการลงทุนเข้ามาต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลานาน” นายพิชัย กล่าว
เผ่าภูมิยอมรับต้องกู้ขาดดุลงบประมาณเพิ่มเติม

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลังกล่าวว่า แหล่งเงินในการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในปี 2567 นั้นมีการกำหนดไว้ 1.75 แสนล้านบาท ซึ่งในขณะนี้แนวทางในการจัดวงเงินจากส่วนนี้คือการใช้งบกลางฯบางส่วนและการใช้วิธีการตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมในปี 2567
ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าวงเงินทั้งสองส่วนจะใช้เท่าไหร่ ต้องรอการหารือกันในคณะกรรมการการเงินการคลังของรัฐที่จะประชุมเร็วๆนี้
โดยในส่วนของการออกงบประมาณเพิ่มเติมมาเป็นงบกลางฯปีนั้นยอมรับว่าต้องมีการกู้ขาดดุลงบประมาณเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามจะอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง และเราใช้งบประมาณส่วนนี้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งก็จะทำให้จีดีพีขยายตัวขึ้นด้วย
ดังนั้นจะมองในแง่ของการขาดดุลงบประมาณเพิ่มอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องดูการใส่เม็ดเงินลงไปให้เศรษฐกิจขยายตัวจากมาตรการนี้ด้วย
เมื่อถามว่าเมื่อมีการกู้ขาดดุลงบประมาณเพิ่ม จะทำให้เกิดความตึงตัวในตลาดพันธบัตรหรือไม่ เพราะว่าขณะนี้ภาครัฐต้องการระดมเงินผ่านการออกพันธบัตรมากขึ้น นายเผ่าภูมิกล่าวว่าเรื่องนี้รัฐบาลได้มีการหารือกับสำนักบริหารหนี้สาธารณะตลอด และ ทราบว่าไม่มีปัญหาในเรื่องนี้เพราะโครงการดิจิทัลวอลเล็ตออกแบบให้ประชาชนทยอยใช้เงิน และมีการหมุนเงินจากประชาชน และ ในรอบที่สองจะเป็นร้านค้าซึ่งภาครัฐสามารถบริหารสภาพคล่องในส่วนนี้ได้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : รออีกนิด! “จุลพันธ์” ลั่นแหล่งเงินแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ชัดแน่ 10 เม.ย.นี้
กลุ่มเป้าหมายเงินดิจิทัล
ประชาชนจำนวนประมาณ 50 ล้านคน โดยจะมีเกณฑ์ ได้แก่ อายุเกิน 16 ปี ณ เดือนที่มีการลงทะเบียน ไม่เป็นผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี
และ มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท นับเฉพาะเงินฝากสกุลบาท รวมกันทุกบัญชี ทั้งในส่วนของธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ
เงื่อนไขการใช้จ่ายเงินดิจิทัล
ระหว่างประชาชนกับร้านค้า ใช้จ่ายเชิงพื้นที่ในระดับอำเภอ (878 อำเภอ) โดยกำหนดให้ใช้จ่ายกับร้านค้าขนาดเล็กที่ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเท่านั้น
ระหว่างร้านค้ากับร้านค้า ไม่กำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายเชิงพื้นที่ระหว่าง ร้านค้ากับร้านค้าในระดับอำเภอและขนาดของร้านค้า
การใช้จ่ายเงินสามารถใช้จ่ายได้หลายรอบ โดยรอบที่ 1 จะเป็นการใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็กเท่านั้น (ตามกระทรวงพาณิชย์กำหนด) ตั้งแต่รอบที่ 2 ขึ้นไป จะเป็นการใช้จ่ายระหว่างร้านค้ากับร้านค้าโดยไม่จำกัดขนาดร้านค้า
ประเภทสินค้าเงินดิจิตอล
สินค้าทุกประเภทสามารถใช้จ่ายผ่านโครงการฯ ได้ ยกเว้น สินค้าอบายมุข น้ำมัน บริการ และออนไลน์ เป็นต้น และสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์จะกำหนดเพิ่มเติม
คุณสมบัติร้านค้าที่สามารถถอนเงินสดจากโครงการฯ ต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี ดังนี้
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax: VAT)
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax: PIT) เฉพาะผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร
ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax: CIT) ทั้งนี้ ร้านค้าไม่สามารถถอนเงินสดได้ทันที หลังประชาชนใช้จ่าย แต่ ร้านค้าจะสามารถถอนเงินสดได้เมื่อมีการใช้จ่ายตั้งแต่ในรอบที่ 2 เป็นต้นไป