

กลุ่ม บางจาก ยิ้ม Q1/67 กวาดรายได้การขาย และบริการ 135,382 ล้านบาท EBITDA ทะลุ 15,308 ล้านบาท บางจาก บริษัทใหญ่กำไร 2,437 ล้านบาท นำ 2 โรงกลั่นมาตรฐานโลก ทำสถิติใหม่กำลังการผลิต 271,700 บาร์เรล/วัน กลุ่มธุรกิจการตลาดขายน้ำมันพุ่ง 3,541 ล้านลิตร

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567
เติบโตตามแผนธุรกิจและเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 135,382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68 % เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน มีกำไรก่อนหักภาษีและอื่น หรือ EBITDA รวม 15,308 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น 39 % มีกำไรงวดในส่วนของบริษัทใหญ่ 2,437 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนกว่า 100 % กำไรต่อหุ้น 1.68 บาท
ไตรมาส 1 ปี 2567 กลุ่มบริษัทบางจากเริ่มรับรู้การรวมธุรกิจหรือ Synergy กับเอสโซ่ จึงรับรู้ผลการดำเนินงานแล้วบางส่วนประมาณ 1,500 ล้านบาท จากธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ธุรกิจการตลาด โลจิสติกส์ และผลประโยชน์ร่วมสนับสนุนการบริหารงาน)
โดยมุ่งมั่นใช้การรวมธุรกิจให้บรรลุเป้าหมายตาม EBITDA Synergy (ก่อนหักภาษี) ปีนี้กว่า 2,500 ล้านบาท และปีต่อ ๆ ไปอีกไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท คาดปีหลัง 2567 จะสามารถทำ Single Linear Program (LP) ได้เพื่อให้ทำการกลั่นน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น และภายในสิ้นปีนี้ก็จะเปลี่ยนป้ายสถานีบริการน้ำมันเป็นบางจากทั้งหมด
รวมทั้งช่วงต้นปี 2567 ได้วางศิลาฤกษ์ก่อสร้างหน่วยผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืนหรือSAF :Sustainable Aviation Fuel แห่งแรกของไทย จะเริ่มผลิต SAF ได้ภายในไตรมาส 2 ปี 2568 ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดหาวัตถุดิบหลักผ่านโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” รับซื้อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว
และร่วมมือกับ ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น จัดหาน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วเพื่อผลิตและจำหน่าย(UCO-to-SAF) และได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ คอสโม ออยล์ และซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น ด้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ SAF ด้วย
นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ไตรมาส 2 ปี 2567 มีหลายประเด็นต้องคอยจับตามอง ได้แก่ 1.ค่าการกลั่นลดลงจากเศรษฐกิจชะลอตัวและเงินเฟ้อทั่วโลก 2.ต้องปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นพระโขนง และอุปสงค์ลดลงตามฤดูกาล จะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ควบคู่กับบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตและการทำงาน เดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่องเพราะปี 2567 กำลังก้าวสู่ทศวรรษที่ 5
โดยยึดมั่นจุดยืนการรักษาสมดุลทำธุรกิจภายใต้แนวคิด “Greenovate to Regenerate สมดุลธรรมชาติ สรรค์พลังไม่สิ้นสุด” และร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Net Zero Emissionsอย่างยั่งยืน
นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บมจ.บางจาก รายงานไตรมาสแรกปี 2567 แต่ละกลุ่มธุรกิจมีผลการดำเนินงานดังนี้

ผลการดำเนินงาน
- กลุ่มที่ 1 ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน(โรงกลั่นพระโขนงและโรงกลั่นศรีราชา) มี EBITDA 4,404 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนกว่า100 % และเพิ่มขึ้น 9 % จากช่วงเดียวกับปี 2566 สร้างสถิติใหม่มีกำลังการกลั่น 2 โรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลกรวมกว่า 271,700 บาร์เรลต่อวัน มีปัจจัยหลักจาก 1.โรงกลั่นศรีราชเพิ่มกำลังการผลิตเฉลี่ย 150,300 บาร์เรลต่อวัน จากเดิม 119,300 บาร์เรลต่อวัน จึงเป็นไตรมาสการสร้างประวัติศาสตร์ผลิตและกลั่นได้สูงสุด และ 2.โรงกลั่นพระโขนง รักษากำลังการกลั่นสูงไว้ได้ที่ 121,400 บาร์เรลต่อวัน
ไตรมาส 1 ปี 2567 ค่าการกลั่นพื้นฐานปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็น 6.08 เหรียญสหรัฐฯ จากไตรมาส 4 ปี 2566 อยู่ที่ 4.65 เหรียญสหรัฐฯ และการรับรู้ Inventory Loss ลดลง ธุรกิจการค้าน้ำมันโดยบริษัท BCPT เติบโตจากการจัดหาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ให้โรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง รวมถึงมีเพิ่มช่องทางซื้อขาย การขยายธุรกิจไปยังประเทศใหม่ๆ จึงมีธุรกรรมซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันรวมเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 36 %
- กลุ่มที่2 ธุรกิจการตลาดมี EBITDA 1,899 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 100 จากช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนด้วยปริมาณการจำหน่ายน้ำมันรวมทุกช่องทางสูงถึง 3,541 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนกว่า 100 % เติบโตจากเครือข่ายปั๊มน้ำมันทั่วประเทศ 2,217 สถานี
โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำกลยุทธ์การตลาดผสานรวมอย่างมีประสิทธิภาพ จึงมียอดขายเพิ่มขึ้นจากสถานีบริการภายใต้ บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) (BSRC) ไตรมาส 1 ปี 2567 BSRC เปลี่ยนเป็นแบรนด์บางจากแล้วเสร็จ 332สถานี ทำยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 29.2 %
จากเดิมสิ้นสุดปี 2566 ทำไว้ 28.8 %
- กลุ่มที่ 3 ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาดโดย บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน)รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติที่สหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น ไตรมาส 1 ปี 2567 มี EBITDA 1,411 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 35 %
- กลุ่มที่4 ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพโดย บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) มี EBITDA 284ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 12 % และเพิ่มจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 100 % ด้วยปัจจัยหลักมียอดขายสูงขึ้นจากความต้องการเพิ่มขึ้นของบางจากศรีราชา
- กลุ่มที่ 5 ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติมี EBITDA รวม 7,404 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 30 % และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 37 % สร้างสถิติรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์จากปริมาณการผลิตและปริมาณการขายเพิ่มขึ้น โดยรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มไตรมาสของแหล่งผลิต Statfjord ที่ OKEA ASA เข้าถือกรรมสิทธิ์เมื่อ 29 ธันวาคม 2566 กับแหล่งผลิต Hasselmus เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อตุลาคม 2566
ปี 2567 Statfjord มีปริมาณการผลิตน้อยกว่าคาดการณ์ไว้ จึงต้องตั้งด้อยค่าจากการลงทุนสุทธิกับรายการกลับรายการด้อยค่าของ Yme คิดเป็นขาดทุนจากการด้อยค่าหลังหักภาษีตามราว 366 ล้านบาท
-เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : บางจาก ศรีราชา ทุบสถิติกลั่น น้ำมัน ทำรายได้ 6.3 หมื่นล้าน