บิ๊กบางจากแนะไทยผนึกอาเซียน ตลาดคาร์บอน /ก๊าซเรือนกระจก

บางจาก ตลาดคาร์บอน
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขึ้นเวทีชี้ทางออก “บทบาทและมุมมองจากภาคธุรกิจสำหรับการเป็นผู้เล่นในตลาดคาร์บอน ผลสำรวจตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจประเทศไทยปี 2567


บางจากฯ ขึ้นเวทีเปิดมุมมองธุรกิจ “ตลาดคาร์บอน ในงาน“ผลสำรวจตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจประเทศไทยปี 2567” ชี้ไทยกับอาเซียนร่วมปลดล็อกภูเขาน้ำแข็ง “คาร์บอน-ก๊าซเรือนกระจก” ยกมาตรฐานสู่สากลช่วยส่งออกสินค้ารับมือกฎหมายการค้าใหม่

บางจาก
นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บมจ. บางจากฯ เปิดข้อมูลภูเขาน้ำแข็งตลาดคาร์บอนในไทยสิ่งที่เห็นและไม่เห็นที่ต้องเร่งแก้ไข

นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทางองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (TGO) ฝ่ายเลขานุการเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (TCNN) ธนาคารกสิกรไทย และศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเวทีให้ขึ้นร่วมเสวนา หัวข้อ “บทบาท และมุมมองจากภาคธุรกิจสำหรับการเป็นผู้เล่นในตลาดคาร์บอน ผลสำรวจตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจประเทศไทยปี 2567: The 2024 Thailand’s Voluntary Carbon Market Updates” โดยมีผู้เชี่ยวชาญชั้นนำร่วมด้วยคือ ดร. กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย และนายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด แต่ละคนได้สะท้อนบทบาทต่าง ๆ ของแต่ละองค์กร กำลังเร่ง สนับสนุน การพัฒนา ตลาดคาร์บอน ในประเทศอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ตลาดคาร์บอน ก๊าซเรือนกระจก
ไทยรวมพลังกระตุ้นภาคธุรกิจร่วมสร้างองค์กร Net Zero Ecosystem

นางกลอยตา กล่าวว่า ได้สะท้อนบทบาทบางจากฯ เตรียมก้าวสู่ความสำเร็จ 2 เป้าหมายหลัก ได้แก่ เป้าหมายแรก ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) เป้าหมายที่ 2 ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) โดยใช้เวลาในช่วงนี้สร้างระบบนิเวศน์รอบด้านเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Ecosystem รองรับ การสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ ควบคู่ กับจัดตั้ง Carbon Markets Club ไว้เมื่อ 3 ปีก่อน เพื่อเดินหน้า ภารกิจซื้อขายคาร์บอนเครดิต รองรับการบังคับใช้ มาตรการต่าง ๆ ระดับสากล

เช่น CBAM สร้างความตระหนักรู้ เกี่ยวกับวิกฤตสภาวะภูมิอากาศ ด้วยการทำงาน ร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 1,000 ราย ทั้งประเภทองค์กรและบุคคล ร่วมกันขับเคลื่อนการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญช่วยนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในอนาคตอันใกล้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ตลอดช่วงที่ผ่านมา 2 ปี ตลาดคาร์บอนในไทยพากันตื่นตัวและมีแนวโน้มหันมาซื้อขายมากขึ้น เห็นถึงโอกาสตลาดจะขยายตัวตาม พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กำลังจะนำมาบังคับใช้ในอนาคต ซึ่งปัจจุบันยังมีข้อจำกัดต้องช่วยกันปลดล็อก 2 ส่วน ได้แก่

  • ส่วนที่ 1 โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ” ตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) ที่ใช้ได้เฉพาะในประเทศ
  • ส่วนที่ 2 ตลาดคาร์บอนยังกระจัดกระจายในประเทศต่าง ๆ ทั่วอาเซียน ดังนั้นจึงควรร่วมมือกันสร้างความเข้มแข็งร่วมมือกันพัฒนามาตรฐานคาร์บอนเครดิตผลักดันสู่ระดับอาเซียน เป็นมาตรฐานที่สากลให้การยอมรับ เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออกสินค้าข้ามพรมแดน มีแผนลดและชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ทำให้คู่ค้าต่างประเทศยอมรับมาตรฐานดังกล่าว

นางกลอยตากล่าวว่า ขณะนี้ตลาดคาร์บอนในไทยมีความท้าทายเปรียบเทียบกับภูเขาน้ำแข็ง (The Carbon Markets Iceberg) นั่นคือ “ส่วนที่มองเห็น” ประโยชน์ของตลาดคาร์บอนเป็นส่วนของภูเขาน้ำแข็งเห็นภาพชัดเจนอยู่เหนือน้ำหลายด้าน เช่น ผลดีด้านสิ่งแวดล้อมจากการลดก๊าซเรือนกระจก การกระตุ้นการลงทุนในแหล่งพลังงานทดแทน รวมถึงโอกาสทางเศรษฐกิจอย่าง การสร้างตลาดใหม่และการสร้างงาน การแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร

แต่ส่วนที่ “มองไม่เห็นอยู่ใต้น้ำ” ก็ยังมีอีกหลายเรื่องต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันนำพาให้ก้าวข้ามความท้าทายเหล่านั้น เช่น กฎระเบียบและมาตรฐานที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างภูมิภาคและประเทศ ความซับซ้อนเรื่องการตรวจสอบและตรวจวัด ที่อาจก่อให้เกิดการฉ้อโกงและการจัดการที่ผิดพลาด ความผันผวนของตลาดและตลาดที่ยังเป็นตลาดของผู้ซื้อ ทำให้ราคาคาร์บอนเครดิตยังไม่สูงนัก รวมถึงการรั่วไหลของคาร์บอน ทำให้การลดการปล่อยคาร์บอนในพื้นที่หนึ่งอาจทำให้เพิ่มขึ้นในที่อื่นด้วย และปัญหาด้านกฎระเบียบและนโยบาย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบายอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความสามารถในการคาดการณ์ของตลาดด้วย

นางกลอยตากล่าวว่า บางจากพยายามเพิ่มบทบาทร่วมสร้างความตระหนักรู้ให้กับหน่วยงานพันธมิตร อย่าง สหกรณ์การเกษตร ให้สามารถพัฒนาโครงการและซื้อขายคาร์บอนเครดิตอย่างเป็นรูปธรรม เช่น จัดตั้งเครือข่ายสหกรณ์ลดโลกร้อน ส่งเสริมการติดโซลาร์รูฟท็อป จัดทำโครงการพรรณดี โดยจัดอบรมให้ความรู้กับผู้ประกอบการสวนยางพาราและพืชเกษตรยืนต้นอื่น ๆ เพื่อขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต ร่วมสร้างตลาดคาร์บอนจากภาคการเกษตรซึ่งมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและสังคมของไทยอย่างมาก

ดังนั้นภายในงานครั้งนี้จึงได้จัดให้มีกิจกรรมจับคู่ธัรกิจหรือ Business Matching นำโดย บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ในกลุ่มบริษัทบางจาก ทำหน้าที่เป็นผู้ขายคาร์บอนเครดิตร่วมพบปะเจรจากับผู้สนใจเพื่อร่วมมือกันสร้างสังคมคาร์บอนต่ำให้เป็นไปตามเป้าหมายต่อไป

เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza

บางจาก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : บางจาก คว้าองค์กรชั้นนำสภาพอากาศเอเชียเข้มกฎลดคาร์บอน