

AWC ไตรมาส 1 ปี’67 ขยายพอร์ตทรัพย์สิน ขานรับท่องเที่ยวคึกคัก AWC นำธุรกิจโรงแรมโต 43 % กำไรสุทธิ 1,604 ล้านบาทดันราคาห้องพักพุ่งสูงสุด 6,298 บาท/คืนโกยยอดขายล่วงหน้า 7.5 แสนคืน
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า AWC มีผลประกอบการ ไตรมาส 1 ปี 2567 ดีที่สุดต่อเนื่อง โดยมี “กำไรจากการดำเนินงาน” ธุรกิจโรงแรม (HOTEL EBITDA) ไม่รวมมูลค่ายุติธรรม ทำได้ 1,401 ล้านบาท เพิ่มแบบก้าวกระโดดจากไตรมาสก่อน 43 % สร้างรายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) เติบโตสูงสุด 6,298 บาท/คืน สร้างรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) ได้ถึง 4,711 บาท/ห้อง/คืน โดยมียอดจองห้องพักล่วงหน้ารวม 753,841 คืน

“มีกำไรสุทธิ” 1,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 18.1 % มีรายได้รวม 5,440 ล้านบาท เพิ่ม 10.3 % เมื่อรวมกำไรจากการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจ (BU EBITDA) เพิ่ม 2,020 ล้านบาท เติบโต 38 % จากช่วงเดียวกันกับปี 2562
โดยสามารถเพิ่มผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้นย้อนหลัง 12 เดือน ในไตรมาส 1 ปี 2567 เพิ่มจากปีก่อน 76 % จากการเสริมกลยุทธ์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน รวมทั้งเพิ่มความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกเข้าถึงฐานลูกค้าทั่วโลกได้มากถึง 600 ล้านคน จากปกติ 400 ล้านคน
สร้างมูลค่าทรัพย์สินฟรีโฮลด์ได้ 94 % จึงช่วยทำให้กระแสเงินสดเติบโตแข็งแกร่ง ไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด 149,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55 % เมื่อเทียบกับปี 2562 คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินดำเนินงาน 109,526 ล้านบาท
ทำสถิติใหม่ผลประกอบการ “รายไตรมาส” พุ่งสูงสุด
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) มีผลดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 มีผลการดำเนินงานทางธุรกิจโดดเด่น แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
- กลุ่มที่ 1 ธุรกิจโรงแรมและการบริการ ช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 61 % จากภาพรวมไทยมีนักท่องเที่ยวคุณภาพเป็นลูกค้าเป้าหมายหลักของบริษัทสนับสนุนให้โรงแรมทั้งหมดโดยเฉพาะกลุ่มรีสอร์ทลักชัวรี โรงแรมในกรุงเทพ โรงแรมอื่นๆ นอกกรุงเทพ สร้างรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) และรายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) โดดเด่นเติบโตสู่ระดับสูงสุด ด้วยอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (Occupancy Rate :OR) 74.8 % ผลักดันกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายต่อรายได้กลุ่มธุรกิจโรงแรมและบริการ (HOTEL EBITDA MARGIN) เท่ากับ 42.1 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 7.5 %
ไตรมาส 1 ปี 2567 AWC เปิดดำเนินการที่พักทั้งหมด 22 โรงแรม จำนวน 6,029 ห้อง และห้องอาหาร ตั้งอยู่ในโรงแรมและพื้นที่ท่องเที่ยวอีกกว่า 80 แห่ง
ส่วน “การบริหารจัดการต้นทุน” ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้อิบิทดา (Flow Through) กลุ่มธุรกิจโรงแรมและบริการมีสัดส่วนดีกว่าไตรมาสก่อน 86 % โรงแรมมีดัชนีสร้างรายได้ (Revenue Generation Index : RGI) ภาพรวมสูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น โรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ มีค่า RGI เท่ากับ 194 โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์ มีค่า RGI เท่ากับ 175 โรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ ที่มีค่า RGI เท่ากับ 146
- กลุ่มที่ 2 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ได้วางกลยุทธ์ตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการลูกค้าเป้าหมายแต่ละพื้นที่ ในกลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานสามารถรักษารายได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่องจากค่าเช่าพื้นที่สำนักงานเกรดเอมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ตอบรับเทรนด์ตลาดการทำงานแบบไฮบริด
เตรียมเปิดโครงการที่ 1 “Phenix/ฟีนิกซ์” ศูนย์กลางด้านอาหาร โดยมีฮับค้าส่งอาหารระดับโลก หรือWorld’s Food Wholesale Hub บริเวณทำเลยุทธศาสตร์ย่านประตูน้ำ ใจกลางกรุงเทพฯ ค้าขายเชื่อมต่อผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ครั้งแรกของโลก จะเปิดตัว 26 มิถุนายน 2567
โครงการที่ 2 เอ-ย่า รูฟทอป แอท ดิ เอ็มไพร์ ทยอยเปิดแล้ว ประกอบด้วย เอ-ย่า แกลลารี แหล่งรวมร้านอาหารนานาชาติชั้นนำมากมายท่ามกลางทัศนียภาพดีที่สุดของกรุงเทพฯ มี EA CHEF’S TABLE แหล่งรวมร้านอาหารสร้างสรรค์โดยเชฟระดับมิชลินสตาร์ 3 แห่ง ห้องอาหาร Nobu Bangkok แห่งแรกและแห่งเดียวในไทยสูงและใหญ่สุดในโลก อยู่ในอาคารเอ็มไพร์สำนักงานเกรดเอใจกลางย่านสาทร

AWC เน้นกลยุทธ์เติบโตเสริมพอร์ตโฟลิโอระยะยาว
ยังคงเดินหน้าเติบโตตามกลยุทธ์ (GROWTH-LED Strategy) เน้นเพิ่มกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายหรือ อิบิด้า/EBITDA ด้วยโมเดลธุรกิจมีเอกลักษณ์ ผลักดันศักยภาพผ่านทรัพย์สินซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นดำเนินงาน (Ramp Up) และทรัพย์สินที่อยู่ในช่วงปรับกลยุทธ์ทางการตลาด (Repositioning) รวมมูลค่ากว่า 88,339 ล้านบาท
ไตรมาส 1 ปี 2567 ยกระดับทรัพย์สินดำเนินงานปกติ (BAU) เพิ่มมากขึ้น
เร่งแปลงทรัพย์สินระหว่างพัฒนา (Developing Asset) มูลค่ากว่า 40,024 ล้านบาท ให้เป็นทรัพย์สินดำเนินงาน (Operating Asset) และการลงทุนโครงการตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 126,000 ล้านบาท
โดยใช้ความสามารถจัดหาเงินทุน (Debt Capacity) ที่แข็งแกร่ง ผนึกกับโมเดลลงทุนเพื่อการเติบโต (Growth Fund Model) เพื่อเสริมสร้างพอร์ตโฟลิโอคุณภาพและคุณค่าในระยะยาว
อีกทั้ง AWC ยังได้สร้างปรากฏการณ์ความยั่งยืนให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยสู่มาตรฐานโลก
ได้รับคะแนนด้านความยั่งยืนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก ในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม รีสอร์ท เรือสำราญ ทำสถิติติดอันดับ Top 1% (Gold Class) จากการประเมินและจัดอันดับของ S&P Global ที่ประกาศอย่างเป็นทางการใน The Sustainability Yearbook 2024
ต่อเนื่องถึงความร่วมมือกับพันธมิตรสถาบันการเงินชั้นนำจัดหาวงเงินสินเชื่อระยะยาวเชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน สามารถเพิ่มสัดส่วนวงเงินดังกล่าวได้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว เป็น 100 % พร้อมจะเป็นเครื่องยนต์สำคัญช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนของโลกให้ได้ภายในอนาคตอันใกล้นี้
-เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : AWC ทุ่ม 1.19 หมื่นล้านผุด “ลานนาทีค” ฮับ เที่ยว เชียงใหม่