ถ้าพูดถึง “อะโวคาโด” หลายคนคงเคยได้ยินชื่อกันมาบ้าง โดยเฉพาะสายสุขภาพที่หลงรักในผลไม้ชนิดนี้ แต่ถ้าคุณยังไม่คุ้นเคยกับมัน ไม่ต้องห่วง เพราะวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับอะโวคาโดให้มากขึ้น
ที่มาของ “อะโวคาโด”
อะโวคาโด มีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโก กัวเตมาลา และหมู่เกาะเวสอินดีส มักถูกเรียกว่า ลูกเนย เพราะเนื้อของอะโวคาโด จะมีความมัน เนียน คล้ายเนย อุดมไปด้วยไขมันดี มีไฟเบอร์สูง และน้ำตาลต่ำ
ประโยชน์ของอะโวคาโดที่ไม่ควรมองข้าม
- ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
อะโวคาโดมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว ชนิด monounsaturater fatty acid ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอล LDL (ไขมันที่ไม่ดี) ที่ก่อให้เกิดการสะสมของไขมันบนผนังหลอดเลือด - ลดน้ำหนัก
อะโวคาโดมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ และน้ำตาลก็ต่ำด้วย จึงเป็นตัวช่วยในการควบคุมน้ำหนักที่ดี เพราะเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะรู้สึกอยู่ท้อง ไม่ต้องหิวโหย - ช่วยเรื่องการขับถ่าย
อะโวคา จัดเป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง มีกากใยสูง จึงช่วยในเรื่องของการขับถ่ายได้อย่างดี - ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
เนื่องจากอะโวคาโดมีโปรตีนสูงมากเมื่อเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น เมื่อรับประทานเข้าไปร่างกายจึงดูดซึมเพื่อนำไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้เป็นอย่างดี - ต้านอนุมูลอิสระ
อะโวคาโดเป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุมากมาย หนึ่งในนั้นคือ วิตามินซี ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และต้านอนุมูลอิสระอย่างได้ผล - น้ำมันอะโวคาโด ช่วยให้ผมงอกใหม่
น้ำมันอะโวคาโด อุดมไปด้วย มีวิตามินอี กรดไขมันสำคัญ ใช้นวดศีรษะเพื่อเร่งการงอกของเส้นผมได้
เห็นไหมว่า อะโวคาโด มีประโยชน์มากมาย และนำมาอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้ง ปั่นกับน้ำผึ้งเป็นสมูทตี้ หรือปรุงเป็นสลัด ก็น่าสนใจไม่น้อยสำหรับคนรักสุขภาพ
ขอบคุณที่มา medicalnewstoday
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ปลัดเกษตรฯ หารือทูตออสเตรเลีย เร่งเปิดตลาดเป็ดปรุงสุก-อะโวคาโด