

เซอร์ไพรส์ซ้อนเซอร์ไพรส์!! กรณีที่ “องค์การคลังสินค้า” เปิดให้ผู้ผ่านคุณสมบัติ 7 ราย ยื่นซองเสนอราคาซื้อ ข้าว สารหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ในสต๊อกรัฐบาล ที่เก็บในคลังกิตติชัยหลัง 2 และคลังพูนผลเทรดดิ้งหลัง 4 จ.สุรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.67หรือที่รู้จักกันในนาม “ข้าว 10 ปี” เพราะเป็นข้าวสารที่ได้จากโครงการรับจำนำ ข้าว เปลือกนาปีปีการผลิต 56/57 ซึ่งเก็บในคลังสินค้าทั้ง 2 แห่งมานานถึง 10 ปีแล้ว
แม้การยื่นซองเสนอราคา และการเปิดซองผ่านพ้นไปด้วยดี จนกระทั่งได้รายชื่อผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด และเห็นเลาๆ ว่า “ใคร” จะเป็นผู้ชนะการประมูลได้ข้าวล็อตนี้ไป
แต่เมื่อเปิดรายชื่อออกมาแล้ว กลับกลายเป็น “ดราม่า” หนักขึ้นอีก เพราะบริษัทที่เสนอราคาซื้อสูงสุด กลับมีทุนจดทะเบียนเพียง 2 ล้านบาท และมีเงินทุนใช้จ่ายในบริษัทเพียง 1-2 ล้านบาทเท่านั้น
แต่กลับกล้าหาญเสนอซื้อข้าวรัฐมูลค่ากว่า 286 ล้านบาท
หนำซ้ำยังมีข่าวใน อคส.ว่า มีความพยามจะทำให้ผู้เสนอราคาซื้อสูงเป็นอันดับ 2 เป็นผู้ชนะประมูล
จึงต้องจับตาการประกาศรายชื่อผู้ชนะประมูลวันที่ 21 มิ.ย.นี้ จะใช่ผู้เสนอราคาซื้อสูงสุดหรือไม่??
เปิดรายชื่อผู้เสนอราคาซื้อข้าว 10 ปี

สำหรับการเปิดให้ยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวรัฐล็อตนี้ มีผู้ยื่นซองทั้งหมด 6 ราย จากผู้ผ่านคุณสมบัติ 7 ราย โดย 1 รายที่ไม่มายื่นคือ บริษัท อุบลไบโอเกษตร จำกัด
ส่วนทั้ง 6 ราย เรียงลำดับราคาเสนอซื้อจากสูงสุดไปต่ำสุด ได้แก่ 1.บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 64,010,216.32 บาท เฉลี่ยตันละ 19,070 บาท หรือกิโลกรัม (กก.) ละ 19.07 บาท และคลังสินค้ากิตติชัย 222,292,403.22 บาท เฉลี่ยตันละ 19,070 บาท หรือกก.ละ 19.07 บาท
2.บริษัท ธนสรร ไรซ์ จำกัด เสนอซื้อคลังพูนผลเทรดดิ้ง 60,482,800 บาท เฉลี่ยตันละ 18,019 บาท หรือกก.ละ 18.01 บาท และคลังกิตติชัย 209,843,000 บาท เฉลี่ยตันละ 18,019 บาท หรือกก.ละ 18.01 บาท
3.บริษัท เอส.เอส.เอ็ม.อาร์.การเกษตร จำกัด เสนอซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้งเพียงคลังเดียว 56,088,888 บาท เฉลี่ยตันละ 16,710 บาท หรือกก.ละ 16.71 บาท
4.บริษัท ทรัพย์แสงทองไรซ์ จำกัด เสนอซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 40,980,000 บาท เฉลี่ยตันละ 12,208 บาท หรือกก.ละ 12.20 บาท และคลังกิตติชัย 182,046,000 บาท เฉลี่ยตันละ 15,617 บาท หรือกก.ละ 15.61 บาท
5.บริษัท สหธัญ จำกัด เสนอซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้งเพียงคลังเดียว 62,734,711.23 บาท เฉลี่ยตันละ 18,690 บาท หรือกก.ละ 18.69 บาท
6.บริษัท บี เอ็น เค การเกษตร 2024 จำกัด เสนอซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 53,705,477.77 บาท เฉลี่ยตันละ 16,000 บาท หรือกก.ละ 16.00 บาท และคลังสินค้ากิตติชัย 186,506,473.60 บาท เฉลี่ยตันละ 16,000 บาท หรือกก.ละ 16.00 บาท
วงการ ข้าว เสียงแตก ราคาเสนอซื้อ
โดยภายหลังการเปิดซองเสนอราคา ได้รายชื่อผู้เสนอราคาสูงสุด และทราบราคาเสนอซื้อสูงสุดแล้ว “นายภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้ความเห็นว่า
“ราคาที่เสนอซื้อกก.ละ 19.07 บาท ดีมาก และดีกว่าข้าวสต๊อกรัฐบาลที่เคยขายที่ผ่านๆ มาที่ขายเพียงกก.ละ 5-6 บาทก็มี แต่คณะกรรมการรับซอง เปิดซอง และต่อรองราคา อยู่ระหว่างต่อรองราคา ให้ได้ราคาสูงขึ้นอีก เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ”
ขณะที่วงการข้าว ที่มาสังเกตการณ์ในวันยื่นซองเสนอราคา เสียงแตก บางรายบอกว่า ราคาเสนอซื้อเป็นไปตามคาด ที่จะได้มากกว่ากก.ละ 15 บาท (ราคาในใจของกระทรวงพาณิชย์) และใกล้เคียงกก.ละ 20 บาท
เพราะผู้ส่งออกหลายราย มีคำสั่งซื้อข้าวเข้ามามาก และราคาข้าวในตลาดอยู่ในระดับสูง การซื้อข้าวรัฐล็อตนี้เพื่อส่งออก จะทำกำไรได้
ส่วนบางราย เห็นว่า ราคาเสนอซื้อกก.ละ 19 บาท เป็นเรื่องเหลือเชื่อ! และเป็นการเสนอราคาที่ผิดปกติ
เพราะเป็นข้าวเก่าเก็บนานถึง 10 ปี คุณภาพไม่เท่ากับข้าวใหม่ แต่เสนอราคาซื้อกลับสูงใกล้เคียงข้าวใหม่ อย่างข้าวขาว 5% ราคา ณ วันที่ 17 มิ.ย. อยู่ที่กก.ละ 21.50 บาท
สำหรับราคาเสนอซื้อกก.ละ 19.07 บาท หากรวมค่ากรรมกรขนข้าวออกจากโกดังทั้ง 2 แห่ง เมื่อไปถึงปลายทางก็ต้องขนข้าวลงจากรถบรรทุกเข้าไปในเก็บในโกดัง ค่าขนส่ง ค่าปรับปรุงคุณภาพข้าว ฯลฯ อีกประมาณกก.ละ 2.50 บาทแล้ว จะทำให้ข้าว 10 ปีมีต้นทุนสูงกว่าข้าวขาวใหม่ด้วยซ้ำ
พ่อค้าตัวจริง คงซื้อข้าวใหม่ในตลาดไปขายดีกว่าประมูลข้าวเก่า!!

ดราม่า “วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง”
ขณะเดียวกัน ชื่อของ “วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง” เข้ามาอยู่สปอตไลท์ทันทีหลังจากเปิดซอง
เมื่อค้นข้อมูลบริษัทของ วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัทเพิ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เมื่อวันที่ 6 มี.ค.63 มีทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท
ส่วนงบการเงินปี 66 พบมีสินทรัพย์หมุนเวียน 1,174,870.22 บาท หนี้สินหมุนเวียน 12,420 บาท รายได้ 2,293,623 บาท กำไรสุทธิ 246,180.35 บาท โดยมีเงินสดและเงินฝากธนาคาร 34,870.22 บาท
จากข้อมูลนี้ ยิ่งสร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้สังคมอย่างมากว่า บริษัทนี้เป็นใคร? มาจากไหน? เป็น “นอมินี” หรือตัวแทนของใครหรือไม่? และจะมีเงินเพียงพอซื้อข้าวรัฐที่เสนอซื้อถึงกว่า 286 ล้านบาทหรือไม่?
แต่วงการค้าข้าว บอกว่า ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ใดๆ และไม่มีอะไรเคลือบแคลงสงสัย เพราะวีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทย
เป็นบริษัทในเครือของ “บริษัท สวัสดิ์ไพบูลย์การเกษตร จำกัด” ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและส่งออกข้าว และมันสำปะหลังรายใหญ่ มีทุนจดทะเบียน 240 บาท โดยทั้ง 2 บริษัทมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เดียวกัน คือ เลขที่ 999/9 หมู่ 8 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร
ที่สำคัญ “สวัสดิ์ไพบูลย์การเกษตร” ได้ลงนาม MOU ขายมันเส้นให้คอฟโก กรุ๊ป ของจีน 5 แสนตัน ช่วงที่ “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 16-19 ต.ค.66
เมื่อได้ประโยชน์จากรัฐไปแล้ว ก็น่าจะเข้ามาช่วยซื้อข้าวล็อตนี้ในราคาสูงโด่งเป็นการ “ต่างตอบแทน”!!
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ “นายภูมิธรรม” ได้สั่งการให้ “กรมพัฒนาธุรกิจการค้า–อคส.” ตรวจสอบอย่างเต็มที่ อย่าให้สังคมเคลือบแคลงสงสัย เพราะมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นดราม่าสร้างละครขึ้นมา หรือมีการฮั้วกัน หรือเป็นนอมินีของใคร
“ผมไม่ยินยอมให้มีการฮั้วกัน และไม่ยินยอมให้สร้างนอมินีแน่นอน ตอนนี้กำลังตรวจสอบอยู่ เชื่อว่า เรื่องนี้ จะจบแน่นอน รอฟังประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลวันที่ 21 มิ.ย.นี้”
แต่ล่าสุด มีข่าวลือในอคส.ว่า “มือที่มองไม่เห็น” สั่งการให้คนในอคส.หาทางเขี่ย “วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง” ทิ้ง และให้ผู้เสนอซื้อราคาสูงเป็นอัน 2 คือ “ธรสรร ไรซ์” ได้ข้าวล็อตนี้ไป
ศึกครั้งนี้มันหยด!! เป็นการประลองกำลังของคนกันเอง จับตาดูรายชื่อผู้ชนะประมูลที่จะประกาศวันที่ 21 มิ.ย.นี้ จะมีอะไรเซอร์ไพรส์หรือไม่?? หรือจะสามารถประกาศได้ตามกำหนดหรือไม่??
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ผลตรวจ ข้าว10ปี จาก โครงการรับจำนำข้าว ผ่านมาตรฐาน