กรมการขนส่งทางบก สั่งเข้มมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ยกระดับมาตรการสาธารณสุขป้องกันโควิด



  • เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนช่วงปีใหม่
  • เช่น สแกนเข้มรถโดยสารทุกสถานี, ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย เป็นต้น
  • ขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถบรรทุกหลีกเลี่ยงขนส่งช่วงเทศกาล

วันนี้ (23 ธันวาคม 2563) เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุม 1 กรมการขนส่งทางบก นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก แถลงข่าวโครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของกรมการขนส่งทางบก ประกอบด้วย กิจกรรม “สแกนเข้มรถโดยสารทุกสถานี” “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” “จุดให้บริการทั่วไทยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)” “การตรวจความพร้อมจุด Checking Point และ Rest Area” การขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถบรรทุกหลีกเลี่ยงการขนส่งในช่วงเทศกาล ซึ่งทุกๆ กิจกรรมดำเนินการภายใต้มาตรการสาธารณสุขป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนทั้งที่ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ และขับขี่รถส่วนบุคคล ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 ที่ใกล้จะถึงนี้ กรมการขนส่งทางบกได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในการดำเนินการตามมาตรการด้านความปลอดภัยและด้านอำนวยความสะดวก เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทางของพี่น้องประชาชน มอบความปลอดภัยทางถนนเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทยทุกคน ดังนี้

กิจกรรม “สแกนเข้มรถโดยสารทุกสถานี” ตรวจเข้มความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถ หมวด 2 (กรุงเทพ-ต่างจังหวัด) หมวด 3 (ระหว่างจังหวัด) ทุกคัน ตามแบบรายงานการตรวจสอบรถโดยสารและผู้ขับรถ (Checklist) ที่กำหนด ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอดรถทุกแห่งทั่วประเทศ รวม 166 แห่งทั่วประเทศ ในช่วงเทศกาล เริ่มดำเนินการวันที่ 29 ธันวาคม 2563 – 4 มกราคม 2564

ทั้งนี้เพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยในระบบขนส่งสาธารณะตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม นอกเหนือจากการตรวจตามปกติซึ่งได้ดำเนินการต่อเนื่องตลอดปีอยู่แล้ว อาทิ พนักงานขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถที่ถูกต้อง ไร้สารเสพติด และแอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์ ชั่วโมงการขับรถไม่เกินที่กฎหมายกำหนด สภาพตัวรถทั้งภายนอกและภายใน รวมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องครบถ้วนและมีความปลอดภัยสูงสุด เช่น ระบบเบรก ยาง ล้อ เข็มขัดนิรภัย ประตูรถ ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก เป็นต้น

“หากพบพนักงานขับรถ มีสภาพไม่พร้อมหรือมีความผิด จะดำเนินการลงโทษขั้นสูงสุด ทั้งปรับ พักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ และผู้ประกอบการต้องเปลี่ยนพนักงานขับรถทันที หากรถโดยสารมีสภาพไม่พร้อมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ จะสั่งห้ามใช้รถและต้องนำไปแก้ไขข้อบกพร่องทันที รวมทั้งผู้ประกอบการจะต้องหารถมารับส่งไม่ให้ผู้โดยสารตกค้าง เพื่อให้ประชาชนเดินทางถึงที่หมายอย่างปลอดภัยทุกคน และเข้มงวดตรวจสอบให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยครบถ้วนทุกคนก่อนออกเดินทาง”

กิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ระหว่างวันที่ 10 – 31 ธันวาคม 2563 โดยดำเนินการร่วมกับภาคีเครือข่ายความปลอดภัยทางถนนทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนและเจ้าของรถให้ความสำคัญกับการตรวจสภาพความพร้อมของรถก่อนการเดินทาง เป็นการป้องกันและลดปัจจัยเสี่ยงสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ประชาชนสามารถนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เข้ารับบริการตรวจสภาพความพร้อมเบื้องต้น จำนวน 20 รายการ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ณ ศูนย์บริการของภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ รวมกว่า 2,000 แห่ง อาทิ ผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ (โตโยต้า ฮอนด้า อีซูซุ มิตซูบิชิ นิสสัน ฮุนได เชฟโรเลต เอ.พี.ฮอนด้า ซูซูกิ คาวาซากิ ยามาฮ่า เป็นต้น) บริษัทประกันภัย สถานตรวจสภาพรถเอกชน ศูนย์บริการติดตั้งแก๊ส LPG/NGV หรือสังเกตหน่วยงานที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย”

นอกจากนี้ยังมีการ ตั้งจุดบริการอำนวยความสะดวกเพื่อความปลอดภัย ช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2564 ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2563 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2564 จำนวน 259 จุดทั่วประเทศ บนถนนสายหลักที่มีการจราจรค่อนข้างหนาแน่น บริเวณสถานีบริการน้ำมัน หรือจุดให้บริการร่วมกับกรมการขนส่งทางบก/หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2551 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินการจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) มีความมุ่งหมายเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากความบกพร่องของตัวรถและอุปกรณ์ส่วนควบ รวมถึงให้บริการผู้ขับรถและผู้เดินทางที่เหนื่อยล้า จากการเดินทาง

กิจกรรม “การตรวจความพร้อมจุด Checking Point และ Rest Area” การตั้งจุดตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะและผู้ขับรถ บนถนนสายหลัก ทั้งรถโดยสารประจำทางและรถโดยสารไม่ประจำทาง (เช่าเหมา) เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากความบกพร่องของตัวรถและอุปกรณ์ส่วนควบ รวมถึงให้บริการผู้ขับรถและผู้เดินทางที่เหนื่อยล้าจากการเดินทาง โดยมีจุด Checking Point จำนวน 25 แห่ง และจุด Rest Area ใน 14 จังหวัด

โดยในช่วงก่อนวันหยุด ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ณ สถานประกอบการ เพื่อตรวจความพร้อมในการใช้งานของรถให้มีสภาพมั่นคงแข็งแรง อุปกรณ์ส่วนควบครบถ้วน รวมถึงพนักงานขับรถให้มีความพร้อมในการขับรถพักผ่อนให้เพียงพอ ทั้งนี้ ในกรณีที่พบว่ารถบรรทุกเป็นต้นเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ กรมการขนส่งทางบกจะได้พิจารณาลงโทษผู้ประกอบการและผู้ขับรถขั้นสูงสุดในทุกกรณีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกต่อไป

มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 กรมการขนส่งทางบกได้ยกระดับความเข้มข้นในการดำเนินการให้ทุกมาตรการโดยเน้นการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง โดยให้ผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถโดยสารและรถบรรทุกเร่งนำรถเข้าตรวจสภาพก่อนสิ้นรอบภาษีให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2563 และหมั่นตรวจสภาพรถให้มีความพร้อมไม่เกิดควันดำเมื่อใช้งาน โดยกรมการขนส่งทางบกจะตั้งจุดตรวจควันดำบนเส้นทางสายหลักเข้าออกกรุงเทพมหานคร และในพื้นที่จังหวัดที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูง กรณีค่าควันดำเกินกำหนด (เกินกว่า 45%) จะมีความผิดตามมาตรา 71 ฐานนำรถที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรงมาใช้งาน โดยจะสั่งห้ามใช้รถ (พ่นห้ามใช้) และเปรียบเทียบปรับ 5,000 บาท และต้องนำรถไปแก้ไขและนำรถเข้ารับการตรวจสภาพ ณ สำนักงานขนส่ง หากฝ่าฝืนใช้รถโดยที่มีคำสั่งห้ามใช้มีความผิดตามกฎหมาย ส่วนกรณี รถมีค่าควันดำอยู่ระหว่าง 30-45% ออกใบเตือนให้เจ้าของรถดูแลบำรุงรักษารถไม่ให้ค่าควันดำเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

มาตรการด้านสาธารณสุขในการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเข้มงวด คัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของผู้โดยสารทุกคน ผู้โดยสาร พนักงานขับรถ และผู้ให้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาการให้บริการหรือตลอดการเดินทาง จัดให้มี QR Code ไทยชนะเพื่อให้ผู้โดยสารสแกนเช็คอิน-เช็คเอาท์ ทุกครั้งที่ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ และเข้าใช้บริการที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร กรณีไม่สามารถสแกน QR Code ได้ให้ใช้แบบฟอร์มตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดแทน ซึ่งจะสามารถเก็บบันทึกประวัติการเดินทาง และเพิ่มความรวดเร็วในการสืบสวนโรคของแพทย์ กรณีพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

นอกจากนี้ จัดให้มีการให้บริการศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน โดยจะมีเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมให้คำแนะนำและข้อมูลการเดินทาง รวมถึงรับเรื่องร้องเรียนกรณีผู้โดยสารถูกเอาเปรียบจากการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ ทั้งที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร และทางสายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง