รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 แถลงความคืบหน้าเหตุคนร้ายบึ้ม รถทหารที่ภาคใต้ พลทหารเสียชีวิต 1 นาย



  • ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดอีก 6 ราย
  • แม่ทัพภาค 4 กล่าวแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ
  • ย้ำให้ดูแลสวัสดิการ พร้อมจัดการศพอย่างสมเกียรติที่สุด
  • สั่งการหน่วยเฉพาะกิจสงขลา เพิ่มมาตรการในการควบคุมพื้นที่

พันเอก พ.อ.วัชรกร อ้นเงิน รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน. ภาค 4 สน.) เปิดเผยว่า วันนี้ (1 ต.ค.) เวลาประมาณ 11.20 น.  ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดขบวนยานยนต์ของ กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่15 (ร.15 พัน.1) ขณะเคลื่อนย้ายเพื่อสับเปลี่ยนกำลังจาก ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ไปยัง กองพันทหารราบเชิงรุก (พัน.ร.เชิงรุก) บ้านนูโร๊ะ หมู่ที่ 1 ตำบลโละจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส โดยเมื่อขบวนรถดังกล่าวมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุคนร้ายได้จุดชนวนระเบิดขึ้น โดยแรงระเบิดทำให้รถยนต์บรรทุกขนาด 2 ½ ตัน (FTS) ได้รับความเสียหายเล็กน้อย มีกำลังพลเสียชีวิต 1 นาย ได้รับบาดเจ็บจำนวน 6 นาย โดยทั้งหมดได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร เป็นที่เรียบร้อย ทราบชื่อต่อมาคือ

1. จ.ส.อ.สัญญา  บุรีรักษ์  อาการ หูอื้อ มึนหัว เลือดออกจมูก

2. ส.ท.จักรกฤษ  เพชรทอง อาการ ได้รับบาดเจ็บบริเวณหลังหูขวา

3. ส.ต.เอกราช วิชาศาสตร์ อาการ ถูกสะเก็ดบริเวณต้นขาขวา (บาดเจ็บสาหัสปัจจุบันนำส่งรพ.ปัตตานี เพื่อผ่าตัดนำสะเก็ดระเบิดออก) 

4. พลทหาร อารียะ  สาและ อาการ ถูกสะเก็ดบริเวณไหล่ขวา

5. พลทหาร พงศกร ไหมร่วง อาการ ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณหลังด้านขวา

6. พลทหาร ฮารอฟัด มะเซ็ง อาการ ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณหัวเข่า

7. พลทหาร อรรถพล พลายชนะ อาการ ถูกสะเก็ดบริเวณหลังด้านขวา (โดนสะเก็ดระเบิดเข้าบริเวณหน้าอกด้านขวา มีเลือดคั่งในปอด โดยได้ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลปัตตานี และเสียชีวิตในเวลาต่อมา)

ทั้งนี้จากการลงตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง วางแบบเร่งด่วน สะเก็ดระเบิดเป็นลักษณะเหล็กเส้นตัดท่อน จุดชนวนด้วยระบบวิทยุสื่อสาร โดยผูกติดไว้กับต้นไม้บริเวณเกาะกลางถนนหมายเลข 43 (หาดใหญ่ – ปัตตานี) บ้านคลองประดู่ หมู่ที่ 4 ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา โดยจากภาพข่าวความเคลื่อนไหวในช่วงที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มคนร้ายมุ่งที่จะก่อเหตุกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจในพื้นที่เป็นหลัก โดยเฉพาะในช่วงที่จะมีการสับเปลี่ยนกำลัง

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดเหตุ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตพร้อมได้กำชับให้ส่วนที่เกี่ยวข้องดูแลในเรื่องสิทธิและสวัสดิการ ตลอดจนจัดการศพอย่างสมเกียรติที่สุด และได้สั่งการเน้นย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจสงขลา เพิ่มมาตรการในการควบคุมพื้นที่ และจัดกำลังติดตามบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ต้องสงสัย และแหล่ง support site 

ตลอดจนสนธิกำลังร่วมกับอาสาสมัครประจำพื้นที่ จัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด บริเวณเส้นทาง/พื้นที่ ที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนีและหลบซ่อนตัว รวมไปถึงการลาดตระเวนเส้นทางและจรยุทธ์ในพื้นที่ล่อแหลม โดยเฉพาะพื้นที่สูงข่ม พื้นที่เขตก่อสร้าง ท่อลอด คอสะพาน และพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลกล้องวงจรปิด พร้อมทั้งขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ หรือบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่เบอร์สายด่วน 1341 หรือหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง