“สมคิด” สั่งตั้งโรงทานแจกอาหาร 1 มื้อช่วยเหลือประชาชน



  • ตั้งกองทุนซื้อตราสารหนี้ในบริษัทตกเกณฑ์
  • คลายล็อคให้ต่างชาติเที่ยวไทยได้
  • เร่งสศช.พิจารณาโครงการฟื้นฟู 4 แสนล้านบาท

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยต่อผู้บริหารหน่วยงานด้านเศรษฐกิจว่า สำหรับเรื่องเงินเยียวยาประชาชนจากโควิด-19 ขณะนี้กระทรวงการคลังจ่ายเงินเยียวยาใกล้ครบตามเป้าหมายแล้ว เหลือเพียงการเยียวยากลุ่มที่อยู่ในระบบประกันสังคม ซึ่งได้มอบหมายให้นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลังประสานงานกับสำนักงานประกันสังคมเพื่อเยียวยากลุ่มนี้ให้ครบถ้วน

อย่างไรก็ตามในการช่วยเหลือเอกชนที่เข้าไม่ถึงการดูแลของพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ช่วยตราสารหนี้ 400,000 ล้านบาท และ พ.ร.ก.ซอฟท์โลน 500,000 ล้านบาท ได้ให้กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)เข้าไปช่วยดูแนวทางเพิ่มเติม เพื่อดูแลให้เอกชนเข้าถึงการช่วยเหลือ

“การดูแลตราสารหนี้เอกชน 400,000 ล้านบาทนั้น มีบางบริษัทเข้าไม่ถึง เพราะมีการใช้เรตติ้งบริษัทเขามาเป็นเกณฑ์ ซึ่งในสภาวะไม่ปกติ การนำเรตติ้งมาใช้ไม่ได้เป็นการช่วยภาคธุรกิจ โดยเฉพาะบริษัทที่มีเรตติ้งต่ำกว่ามาตรฐานการลงทุน (อินเวสต์เมนต์ เกรด) ดังนั้นก.ล.ต.จึงเสนอแนวคิดตั้งกองทุนขึ้นมาช่วย และขอให้คลังมีมาตรการภาษีเพื่อให้เกิดแรงจูงใจ ส่วนการช่วยธุรกิจขนาดเล็กนั้น ก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการคลังตั้งกองทุนมาช่วยดูแลแล้ว”

นอกจากนี้ที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) หาแนวทางช่วยเหลือมาตรการที่ออกมาแล้วเพิ่มเติม อาทิ กลุ่มร้านค้าต่างๆ ที่ปัจจุบันกลับมาเปิดบริการ แต่คนไม่กล้าไปซื้อของ เป็นต้น โดยสศค.จะไปดูว่ามีแนวทางใดช่วยเหลือได้ เช่น การลดค่าเช่าเพื่อให้ร้านค้าอยู่ได้ การใช้มาตรการทางภาษี เป็นต้น ส่วนธปท.ได้เสนอหาแนวทางช่วยผู้ประกอบการรับภาระในด้านการจ้างงาน แลกกับการไม่ไล่พนักงานออก แทนที่จะรอให้คนตกงานแล้วค่อยจ่ายเงินเยียวยา

ทั้งนี้ยังได้ให้สถาบันการเงินของรัฐ และกระทรวงต่างๆ แบ่งพื้นที่ในจังหวัด ทำโรงทานให้ประชาชนจำนวน 1 มื้อ ในช่วง 3 -4 เดือนข้างหน้า เนื่องจากคนที่มีฐานะยากจนหรือชาวบ้าน อาหาร 1 มื้อสำคัญมาก หากมีโรงทานขึ้นจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารได้ โดยจะระดมภาคเอกชนเข้ามาช่วยเหลือ
“ส่วนกระตุ้นการบริโภคและท่องเที่ยว กระทรวงการคลังจะออกมาตรการใหม่ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)เพื่อกระตุ้นให้คนจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ เพื่อให้เม็ดเงินการท่องเที่ยวสามารถหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ได้ ซึ่งในกรณีหาดบางแสนทำให้เห็นว่าคนอยากออกไปเที่ยว และจะทำอย่างไรให้คนในกรุงเทพฯ ออกไปเที่ยวต่างจังหวัด

นอกจากนี้ได้หารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในการคลายล็อกให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศกลับเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยได้ แต่นักท่องเที่ยวเข้ามานั้นจะต้องมาจากประเทศที่ปลอดการระบาดของไวรัสโควิด-19

“ผมหวังว่าในปีหน้าหวังส่งออกดีขึ้น ท่องเที่ยวดีขึ้น ถ้ายังไม่ดี กระทรวงการคลังวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องทำอย่างไร จะมีเงินเยียวยาประชาชนได้อย่างไร แต่ยังไม่ถึงเวลาต้องมาพูดกัน”

อย่างไรก็ตามได้ให้นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เร่งสรุปออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 400,000 ล้านบาทให้เร็วที่สุด ซึ่งจะต้องเลือกโครงการที่มีคุณภาพ ใช้ไม่เต็มวงเงินไม่เป็นไร เนื่องจากสคช.มี โครงการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงที่เตรียมไว้แล้ว เพื่อให้มีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส 3