“โสภณ ซารัมย์” ฉายภาพปัญหาโรคร้ายรุมเร้าการบินไทยต้องรีบรักษา ถ้าใช้วิธีไม่ถูกคนที่เดือดร้อนที่สุดคือประชาชน…



  • ปัญหาการขาดทุนอย่างมหาศาลซึ่งการขาดทุนก็ไม่ใช่เป็นครั้งแรก
  • แนะต้องใช้ยาแรง อาจต้องใช้ถึงขั้นผ่าตัดยกเครื่องใหม่เปลี่ยนอวัยวะที่เป็นพิษ
  • ย้ำต้องรักษาโรคร้ายที่แฝงตัวอยู่ออกให้หมดยอม เสียอวัยวะเพื่อรักษาชีวิตดีกว่าไหม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายโสภฌ ซารัมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โพสต์ผ่านเฟสบุ๊คว่า ขอพูดถึงของสูงหน่อยครับ (การบินไทย) การบินไทยที่ทุกคนรู้จักเป็นสายการบินแห่งชาติ ความหมายก็ รัฐบาลไทยโดยกระทรวงการคลังเป็นเจ้าของ(ถือหุ้นใหญ่) ประชาชนไทยประมาณ 70 ล้านกว่าคน ผมคิดว่ามีโอกาสขึ้นเครื่องบินใช้บริการสายการบินไม่เกิน 20%

การบินไทยก็เป็นบริษัทมหาชนของรัฐ ทั่วไปเหมือนกิจการอื่นๆเช่นการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.),องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก)เป็นต้นบริการของรัฐเหล่านี้ มีไว้สำหรับบริการประชาชนไม่มุ่งเน้นผลกำไรเป็นหลักจึงทำให้หน่วยงานเหล่านี้ขาดทุนมาโดยตลอด

รฟท-ขสมก ถ้าพิจารณาดูแล้วเป็นการให้บริการประชาชนในระดับพื้นฐานรายได้น้อยความหมายก็คือคนยากจน กิจการ ของสองหน่วยนี้ดำเนินไปด้วยความยากลำบากสมกับเป็นการบริการ คนยากจนพอมาพิจารณาการบริการการบินไทยซึ่งใช้บริการสำหรับคนมีเงินรัฐได้อุ้มชูมาโดยตลอดหน่วยงานนี้ตรงข้ามกับสองหน่วยงาน ที่กล่าวมาแล้วการบินไทย(เครื่องบินก็เป็นไฮโซ รถไฟรถเมล์ก็โลโซ)

ที่พูดมาเพื่อให้มองเห็นภาพของหน่วยงานที่รัฐดูแลใช้บริการภาคขนส่งทางบกและอากาศให้กับประชาชนเพื่อจะได้พิจารณาประโยชน์และการ ลงทุนของรัฐในยามวิกฤตนี้ กล่าวคือขณะนี้บริษัทการบินไทยประสบปัญหาการขาดทุนอย่างมหาศาลซึ่งการขาดทุนก็ไม่ใช่ว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรก จึงอยากยกตัวอย่างเพื่อให้เจ้าของประเทศคือประชาชนพอมองเห็นครับ

ในปี 2550,2551,2552 บริษัทการบินไทยเคยขาดทุน 20,000 กว่าล้าน หน่วยงานขาดทุน ถ้าเป็นคนก็ป่วย รัฐบาลก็รักษาจนหายป่วยและหวังว่าหน่วยงานนี้(คนนี้)จะหายขาดไม่ต้องเอาเงินของคนที่ไม่เกี่ยวข้อง(ภาษี)มารักษาอีก

พอปี 2560,2561,2562 จนถึงปี บริษัทการบินไทยขาดทุนอีก ประมาณ 150,000,000,000ล้าน ถ้าถือว่าเป็นคนป่วยคราวนี้เข้าขั้นโคม่า หมอที่จะรักษาต้องใช้ยาอย่างระมัดระวังเพราะโรคของการบินไทย น่าจะเป็นโรคติดต่อเรื้อรัง(สังเกต 10 ปีมาครั้งหนึ่ง) หนักขึ้นไปเรื่อยๆ

จะเปรียบเทียบให้เห็นการรักษาโรคคนป่วยมีอยู่สองอย่างประกอบกันคือหมอกับคนไข้
หมอ(รัฐบาล) ต้องพิจารณาว่าคนไข้ต้องใช้ยาประเภทใดเคยใช้ยาประเภทใดมาแล้วหายแล้วและก็ยังป่วยอีกก็ไม่ควรใช้ ฉะนั้นก็ต้องใช้ยาแรง อาจต้องใช้ถึงขั้นผ่าตัดยกเครื่องใหม่เปลี่ยนอวัยวะที่เป็นพิษต่อตับโรคร้ายที่แฝงตัวอยู่ออกให้หมดยอม เสียอวัยวะเพื่อรักษาชีวิตดีกว่าไหมครับ เพราะว่าหมอยังมีคนไข้อื่นๆให้รักษาในขณะนี้เป็นจำนวนมาก อีกประการหนึ่งหมอทางโรงพยาบาลก็เริ่มจนแล้ว
คนไข้ มา ถึงวันนี้ยังไม่รู้ว่าตัวเองป่วยไม่ยอมรับการรักษา ยังอยากใช้ยาแบบเดิมๆไม่เจ็บไม่ปวดไม่ทรมานจะได้สบายๆยังสวยยังหล่อไม่เสียแขนเสียขาอยู่เพราะคิดว่ายังไงหมอก็ไม่ปล่อยให้ตาย

สรุปการรักษาผู้ป่วย(การบินไทย)คราวนี้ถ้าใช้วิธีไม่ถูก คนที่เดือดร้อนก็คือประชาชน(ญาติก็ไม่ได้เป็น พระคุณก็ไม่เคยมีต่อกัน ต้องมีส่วนรับผิดชอบ จึงเข้าภาษิตที่ว่าเนื้อไม่ได้กินกระดูกแขวนคอ)