

- ข้อมูลล่าสุดการผลิตยาและวัคซีนได้ต้นปีหน้า
- ทำให้เราต้องปรับตัว ปรับชีวิตวิถีใหม่
- เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดระลอกใหม่
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า นับเป็นเวลา 1 เดือน ที่มีการประกาศบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.2563 – 26 เม.ย. 2563 จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศไทยลดลง เนื่องจากมีการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เป็นอย่างดี ประชาชนให้ความร่วมมืออย่างดีเยี่ยม และมีการปรับตัวเข้าสถานการณ์ได้อย่างดี จนกลายเป็น New Norm หรือ ชีวิตวิถีใหม่
“เข้าใจว่าทุกคนอยากกลับไปมีวิถีชีวิตปกติ แต่เรากลับไปที่ปกติเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว ขอให้เข้าใจสภาวการณ์ของโรคที่เกิดในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ว่า ไวรัสโควิด-19 เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจ แพร่กระจายจากน้ำมูก น้ำลาย คนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อ คือ วัยทำงาน ไม่แสดงอาการ ทำให้เราไม่รู้ว่า เราติดเชื้อจากใครและ เขาเหล่านั้นเดินอยู่ตรงไหนบ้างอย่างไร”
ทั้งนี้หากใช้ชีวิตปกติ จะมีโอกาสติดเชื้อได้ และโรคก็จะแพร่ระบาดระลอกใหม่ แม้วันนี้จะมีผู้ป่วยหลักสิบ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะควบคุมให้เหลือตัวเลขเดียว หรือเหลือ “ศูนย์” ได้ในระยะเวลาอันใกล้ หากเป็น “ศูนย์” ก็ต้องเป็นศูนย์ระยะเวลานาน และเป็นประเทศเดียวไม่ได้ ต้องเป็น “ศูนย์” ทั้งโลก จึงจะมั่นใจได้จริง เพราะแม้คุมตัวเลขได้ดี แต่รอบบ้านเรา เชื้อในอากาศยังเต็มไปหมด หากเรากลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม และโรคระบาดกลับมาใหม่ เท่ากับกับ ที่เราลงทุนอยู่บ้าน หยุดเชื้อ และมาตรการอื่นๆ ที่ผ่านมา ก็จะกลายเป็นสูญเปล่าไปในทันที”
น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า หากเราจะกลับไปใช้วิถีชีวิตปกติเหมือนเดิมนั้น จะต้องมีสิ่งนี้ คือ 1. ต้องมียารักษา ไม่ใช่แค่ยาต้านไวรัส แต่ต้องเป็นยารักษาหายขาด 2.ต้องมีวัคซีน ป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งล่าสุด ต้องรอวัคซีนต้นปีหน้าหรือปี2564 ดังนั้นในระหว่างที่รอยารักษา และวัคซีน คือ ต้องปรับตัว ปรับพฤติกรรมใหม่ ให้เข้ากับสถานการณ์ จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน และเราจะก้าวผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน
อย่างไรก็ตามในหลายประเทศ ไม่ยินยอมปรับตัว ทำให้ตัวเลขเพิ่มหลักหมื่น หลักแสน แต่สุดท้ายก็ต้องปรับตัว ออกมาตรการต่างๆคล้ายกับประเทศไทย ซึ่งไทยได้ออกออกมาก่อนตั้งแต่แรก หากไทยออกมาตรการช้า คงไม่แตกต่างจากประเทศอื่น ที่มีการระบาดวงกว้าง แต่ในอีกมุนหนึ่ง มีการยกเลิหรือผ่อนมาตรการควบคุมเร็วเกินไป ก็จะทำให้มีการกลับมาติดเชื้อเพิ่มขึ้น เหมือนประเทศอื่นๆ ฉะนั้นหากการ์ดตก ก็จบกัน