

- รณรงค์ป้องกันภัยจากฝุ่น
- แก่ประชาชนและชุมชนโดยรอบพื้นที่ กฟผ.
- พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วน
นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ตามที่หลายพื้นที่ของประเทศไทยกำลังเผชิญกับสภาวะฝุ่นละออง พีเอ็ม 2.5 ในอากาศสะสมเกินค่ามาตรฐาน จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน กฟผ. จึงได้มีมาตรการให้กับโรงไฟฟ้าและเขื่อน ของ กฟผ. ทั่วประเทศ เพื่อช่วยคลี่คลายปัญหาฝุ่นให้กับชุมชนโดยรอบพื้นที่ กฟผ. และร่วมเป็นส่วนหนึ่งบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองของประเทศไทย
ทั้งนี้ กฟผ. ได้ออกมาตรการป้องกัน ดังนี้ 1.รณรงค์ประชาชนรอบเขื่อนและโรงไฟฟ้า ห้ามจุดไฟเผาป่าและวัชพืช 2.กฟผ. ร่วมกับชุมชนจัดตั้งทีมเฝ้าระวังไฟป่า เพื่อร่วมกันทำแนวกันไฟป่าและจัดทีมดับไฟป่าเพื่อร่วมปฏิบัติภารกิจดับไฟป่า ให้สงบลงได้อย่างรวดเร็ว และ 3.จัดโครงการสร้างฝายชะลอน้ำรอบพื้นที่เขื่อนของ กฟผ. เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผืนป่าและลดโอกาสของการเกิดไฟป่า
นอกจากนี้ ในบริเวณสำนักงานใหญ่ กฟผ. จ.นนทบุรี และพื้นที่ชุมชนโดยรอบอย่างเร่งด่วน จึงได้ออกมาตรการเปิดระบบพ่นละอองไอน้ำบนยอดตึก 20 ชั้นของ กฟผ. ซึ่งระบบดังกล่าวมีลักษณะเป็นหัวฉีดพ่นละอองไอน้ำ 1,000 หัวและใช้น้ำประปาที่ผ่านเครื่องกรองมาฉีดพ่น โดยเปิดทำงานวันละ 3 ช่วงเวลา ช่วงละ 2 – 3 ชั่วโมง ซึ่งจะเปิดระบบอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์ฝุ่นจะคลี่คลาย รวมทั้งยังได้ติดตั้งรถตรวจวัดคุณภาพอากาศ เพื่อเฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง

ขณะที่การช่วยลดปัญหาฝุ่นในระยะยาว กฟผ.จึงมีมาตรการมุ่งมั่นส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ จากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซล รวมถึงลดการปล่อยมลพิษทางอากาศและ พีเอ็ม 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยปัจจุบัน กฟผ. มีรถยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง (รถ EV) รถมินิบัสไฟฟ้าสำหรับใช้รับส่งพนักงาน กฟผ. และประชาชนที่มาศึกษาดูงานในพื้นที่สำนักงาน โรงไฟฟ้า เขื่อน และศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. พร้อมติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า จำนวนทั้งสิ้น 23 สถานี รวมถึงพัฒนารถโดยสารประจำทางใช้แล้ว ของ ขสมก. ให้เป็นรถไฟฟ้าต้นแบบ และยังได้ขยายผลไปสู่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเบอร์ 5