

สี่บริษัทยักษ์ใหญ่ KBank มิตรผล รอยัล ภูเก็ต มารีน่า และเซ็นทรัล จับมือโครงการพัฒนาดอยตุงฯเป็นที่ปรึกษา นำ“ดอยตุงโมเดล” มาช่วยบริหารจัดการขยะ หลังจากประสบความสำเร็จขยายผลการบริหารจัดการขยะไปสู่ 24 หมู่บ้านในพื้นที่โครงการดอยตุง

ดร. ธนพงศ์ ดวงมณีผู้อำนวยการด้านนโยบายสิ่งแวดล้อม มูลนิธิมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ กล่าวว่ามี 4 บริษัท มอบหมายให้โครงการพัฒนาดอยตุง มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง เป็นที่ปรึกษา นำ“ดอยตุงโมเดล” มาช่วยบริหารจัดการขยะ โดย 4 บริษัทฯ ประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย บริษัทน้ำตาลมิตรผลรอแยลภูเก็ต มารีน่า และเซ็นทรัล
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2555 ทางโครงการดอยตุงเริ่มดำเนินการคัดแยกขยะที่ศูนย์จัดการขยะ ผลจากการดำเนินการมาเป็นเวลาหลายปีสามารถลดปริมาณขยะไปสู่บ่อฝังกลบได้เฉลี่ย 40% และในช่วงปี2559-2560 เฉลี่ยลดขยะได้กว่า 15% จนกระทั่งในปีพ.ศ. 2561-ปัจจุบัน ไม่มีขยะถูกส่งไปยังบ่อฝังกลบอีก หรือมีอัตรา 0 % ต่อมาโครงการได้ขยายส่งต่อแนวคิดนี้ไปยังหมู่บ้าน ในอำเภอแม่ฟ้าหลวง ซึ่งขณะนี้มี 24 หมู่บ้าน ที่สามารถคัดแยกขยะได้อย่างถูกวิธี
กลยุทธ์หลักของการจัดการขยะตามดอยตุงโมเดล อยู่ที่ “การคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง” และสามารถแยกขยะได้มากถึง 44 ประเภท ทั้งนี้การคัดแยกขยะสามารถสร้างมูลค่าและรายได้ให้กับชุมชน ทำให้ ความสามารถในการบริหารจัดการขยะเป็นหนึ่งใน“ดอยตุงโมเดล” และกลายเป็นพื้นที่ต้นแบบ เป็นที่เรียนรู้ของผู้ที่สนใจแก้ปัญหาขยะ ต้องเดินทางมาศึกษา การคัดแยกขยะที่ครบวงจรจากที่นี่
“ในปัจจุบัน โครงการพัฒนาดอยตุงฯ ได้เปิดให้บริการเป็นที่ปรึกษาให้กับหน่วยงานและบริษัทเอกชนในด้านการบริหารจัดการขยะ ซึ่งในขณะนี้มีสี่บริษัทที่ทางโครงการฯได้นำ“ดอยตุงโมเดล” ด้านการกำจัดขยะ ไปช่วยในการบริหารจัดการขยะ คาดว่าในอนาคตจะมีบริษัทเอกชนหลายบริษัทที่สนใจโมเดลของดอยตุง”

นายวสันต์ พรมมาลี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 17 บ้านห้วยน้ำขุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งใน 24 หมู่บ้านในเขตพื้นที่พัฒนาดอยตุง ที่สามารถคัดแยกขยะได้อย่างถูกวิธี กล่าวว่า เนื่องจากหมู่บ้านตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ภูเขา และเป็นพื้นที่เขตป่าสงวน ไม่มีพื้นที่ในการฝังกลบขยะ ทางอบต. บ้านห้วยน้ำขุ่น ได้เช่าพื้นที่เพื่อนำขยะไปฝังกลบนอกพื้นที่โดยกำหนดเวลา 2 ปี ตั้งแต่เดือนก.ย.2562- ก.ย. 2563 แต่ปรากฏว่าบ่อฝังกลบขยะเต็มภายในเวลาเพียงหนึ่งปี
หลังจากที่มีการบริหารจัดการขยะตามแนวทางของโครงการพัฒนาดอยตุงฯ ได้ปิดบ่อฝังกลบขยะ เมื่อเดือนตุลาคมปี 2563 เนื่องจากไม่มีขยะฝังกลบ คือขยะมีอัตราเป็นศูนย์ หลังจากที่ได้คำแนะนำในการจัดการขยะจากโครงการดอยตุง
ผู้ใหญ่บ้านวสันต์กล่าวว่า ในปลายปี 2562 ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการจัดการขยะระดับหมู่บ้าน ซึ่งในระยะเวลาเพียงสามดือน สามารถบริหารจัดการขยะได้อย่างถูกวิธี โดยหากหมู่บ้านใดไม่สามารถแยกขยะได้อย่างถูกต้องจะใช้วิธีการตักเตือนและปรับ แต่ในช่วงห้าปีที่ผ่านมายังไม่มีการปรับลูกบ้าน มีเพียงการตักเตือนเท่านั้น
หมู่ 17 บ้านห้วยน้ำขุ่น มีจำนวน 210 ครัวเรือนและมีผู้อาศัยทั้งหมด 1,200 คน โดยนายวสันต์ได้นำลูกบ้านให้มีการกำจัดขยะอย่างถูกต้อง โดยตั้งแต่ปี 2562 มีการฝึกอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจ ติดตั้งระบบถังขยะในทุกครัวเรือน ประกอบด้วยขยะหกประเภท แยกขยะนำใส่ถุงใสมาทิ้งที่จุดรับบริจาคขยะเพื่อให้อบต. นำไปจัดการต่อ
เมื่อปี 2564 หมู่ที่ 17 ของหมู่บ้านห้วยน้ำขุ่นได้รางวัลชนะเลิศในการบริหารจัดการขยะจากโครงการพัฒนาดอยตุงฯ และได้รางวัลอันดับสองในระดับประเทศจากการบริหารจัดการขยะอัตราเป็น0% (Zero waste) ในปี 2565 และเป็นหมู่บ้านต้นแบบในการนำพระราชดำริมาใช้ในการบริหารจัดการขยะ และเป็นพื้นที่ต้นแบบในการดูงาน และการศึกษาเรื่องการจัดการขยะ
ในปัจจุบันอบต. แม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวงได้กำหนดตารางในการเก็บขยะ โดยทุกวันจันทร์จะมีการเก็บขยะเปื้อนหรือเปื้อนมากๆเช่นพลาสติกหรือขยะอื่นๆที่เปียกน้ำหรือเปื้อนมาก โดยทุกหมู่บ้านจะต้องมาส่งขยะภายใน 10 โมง ถ้ามาสายก็จะไม่รับสำหรับทุกวันอังคาร สัปดาห์ที่สองและสี่ของทุกเดือนจะเป็นการเก็บขยะประเภทขยะเชื้อเพลิงขยะพลังงาน ทุกวันพุธเป็นการเก็บขยะประเภทขยะห้องน้ำและทุกวันศุกร์แรกของทุกเดือนจะเป็นขยะประเภทอันตราย
นอกจากนี้ได้มีเงินบริจาคจำนวนห้าล้านบาทจากบริษัทไทยเบฟเวอเรจ สำหรับอบต. แม่ฟ้าหลวงในการจัดตั้ง ศูนย์จัดการขยะชุมชนตำบลแม่ฟ้าหลวงซึ่งมีเครื่องจักรในการแยกขยะ เครื่องล้างพลาสติกเปื้อน และเครื่องบดแก้ว เพื่อนำไปใช้ใหม่
ผลงานการกำจัดขยะในตำบลแม่ฟ้าหลวงปี 2567 มีการจัดการขยะจำนวน 177 ตัน ที่ไม่ต้องไปฝังกลบในบ่อ มีการรับคณะศึกษาดูงานจำนวน 10 คณะรวม 262 คน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก380 ตันเทียบเท่ากับป่า 394 ไร่ เกิดการจ้างงานเป็นมูลค่าประมาณ900,000 บาท
มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้ดำเนินการโครงการจัดการขยะที่โครงการพัฒนาดอยตุงฯ ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยได้จัดระบบการคัดแยกขยะที่ปลายทางในปี 2555 ที่ศูนย์จัดการขยะดอยตุงซึ่งมีขยะถูกทิ้งในบ่อฝั่งกลบ 40% มูลนิธิฯ ดำเนินการต่อเนื่องในการลดขยะสู่บ่อฝั่งกลบ และสามารถบรรลุเป้าหมายให้โครงการพัฒนาดอยตุงฯ ไม่มีขยะสู่บ่อฝั่งกลบในปี 2561 ในปี 2561 มูลนิธิฯ หันมาจัดการขยะจากต้นทางโดยการคัดแยกขยะตามการนำไปใช้ประโยชน์ แบ่งขยะออกเป็นหกชนิดได้แก่ วัสดุรีไซเคิล ขยะย่อยสลายได้ ขยะเปื้อน ขยะพลังงาน ขยะห้องน้ำห้องน้ำ ขยะอันตราย และได้แยกละเอียดตามการใช้ประโยชน์เป็น 44 ชนิดเมื่อแยกขยะตามประเภทที่คัดแยกแล้ว มูลนิธิฯ มีวิธีการจัดการขยะแต่ละประเภทเพื่อไม่ให้มีขยะสู่บ่อฝั่งกลบและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยเส้นทางขยะของโครงการพัฒนาดอยตุงฯ ประกอบด้วยการนำไปจำหน่ายร้านรับซื้อของเก่า การล้างและปั่นแห้งเพื่อจำหน่ายการนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวมวล การเผาด้วยเตาเผาขยะมลพิษต่ำ
เมื่อมูลนิธิฯ ดำเนินการในพื้นที่โครงการได้สำเร็จแล้ว มูลนิธิฯ ได้ขยายผลสู่หมู่บ้านในเขต องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ฟ้าหลวง24 หมู่บ้าน และโรงเรียนในเขตรับผิดชอบ 8 โรงเรียน ผ่านการมีส่วนร่วมและการเพิ่มมูลค่าให้ขยะ นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายไม่มีขยะสู่บ่อฝั่งกลบในพื้นที่ขยายผลภายในปี 2568
ดร. ธนพงศ์กล่าวว่าในปัจจุบันประเทศไทยมีขยะจำนวน 27 ล้านตันต่อปี ในจำนวนนี้ 9 ล้านตันมีการนำไปใช้ประโยชน์ จำนวน 10 ล้านตันมีการจัดการที่ดีโดยการฝังกลบ ส่วนอีก 7 ล้านตันยังมีระบบการจัดการที่ไม่เหมาะสม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ร่วมคณะผู้แทนไทยในที่ประชุมโลก COP 16 นำเสนอโครงการพัฒนาดอยตุง