IATA ชี้เป้าไทยปรับการบิน 3 เรื่อง “โครงสร้าง-ดิจิทัล-ยั่งยืน”

สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ
สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ “IATA” แนะประเทศไทยปรับการบินรับ 2 ทศวรรษหน้าปี’67-86 มุ่ง 3 เรื่องหลัก โครงสร้างพื้นฐาน เปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และความยั่งยืน


IATA กระตุ้นไทยเร่งปรับโครงสร้างใหญ่ “อุตสาหกรรมการบิน” รับการเติบโต 2 ทศวรรษหน้า ปี’67-86 คาดโตเฉลี่ย 3.88 % แนะยกเครื่อง 3 เรื่องหลัก “โครงสร้างพื้นฐาน-เปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล-ความยั่งยืน”

ดร. เซี่ยะ ซิงฉวน รักษาการรองประธานภูมิภาคเอเชียเหนือและเอเชียแปซิฟิก สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA/ไออาต้า : International Air Transport Association) เปิดเผยว่า ไออาต้ามีข้อเสนอให้ประเทศไทยเร่งเสริมสร้างรากฐานทางการบินให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะขณะนี้กำลังฟื้นตัวจากโควิด-19 คาดระหว่างปี 2567-2586 (ค.ศ.2024-2403) หรืออีก 2 ทศวรรษหน้า ผู้โดยสารเติบโตแบบก้าวกระโดดเฉลี่ยปีละ 3.88% ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบินควรร่วมมือกันทำให้การเติบโตเป็นไปตามเป้าหมาย

@IATAแนะไทยวางแผนรับอนาคตการบิน2ทศวรรษหน้า

ปี 2567 ประเมินสถานการณ์การบินในไทยแล้วผู้โดยสารมีความต้องการเพิ่มขึ้นถึง 88 % จากฐานปกติปี 2562 อันจะส่งผลดีต่อเนื่องไปถึงปี 2568 จะเกิดการเติบโตอย่างแท้จริงได้ด้วยศักยภาพอันแข็งแกร่งเป็นแรงหนุนจาก 3 ปัจจัย คือ ปัจจัยที่ 1 การท่องเที่ยวได้รับความนิยมติดระดับโลก ปัจจัยที่ 2 ธุรกิจในภูมิภาคกำลังขยายตัว ปัจจัยที่ 3 ประเทศไทยตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดี ในอีก 2 ทศวรรษหน้าจะสามารถขยับตลาดการบินขึ้นไปเป็น15 อันดับแรกของโลกได้

เพียงแต่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยต้องร่วมมือกันเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป วางฐานรากเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ภาคอุตสหกรรมการบินของประเทศในอนาคต เพื่อเพิ่มประโยชน์สูงสุดเพื่อใช้การบินกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบในตลาดโลก

ในสถานการณ์ปกติ “ก่อนเกิดโควิด” ช่วงปี 2562 “ประเทศไทย” มีนักท่องเที่ยวนานาประเทศเดินทางโดย “เครื่องบิน” เข้ามาไทยปีละ 84% แล้วการบินมีผลเชิงบวกเชิงเศรษฐกิจสร้างรายได้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) 7.4% ช่วยตอกย้ำถึงการท่องเที่ยวได้รับความนิยมสูงมาก ดังนั้นจึงควรปลูกฝังเป็นนโยบายสำคัญของประเทศ บวกกับ “มาตการภาษี” ค่อนข้างต่ำ จึงเป็นกุญแจสำคัญให้ไทยสามารถรักษาตำแหน่งการท่องเที่ยวไว้ได้อันดับต้น ๆ ของภูมิภาคเอเชีย

แล้วไทยยังมีจุดขายโดดเด่นเรื่องศูนย์กลางอุตสาหกรรมไมซ์ -MICE :ประชุมสัมมนา/Meeting-การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล/Incentive-การจัดประชุมขนาดใหญ่ระดับนานาชาติ/Convention-การแสดงสินค้าระดับโลก/Exhibition ซึ่งพร้อมจะเสริมสร้างให้กรุงเทพฯเป็นเมืองศูนย์กลางของภูมิภาคอย่างแท้จริง

@ชี้เป้าขับเคลื่อน3เรื่องโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลยั่งยืน

ดร.เซี่ยะ เชิงฉวน กล่าวว่า รัฐบาลไทยจึงไม่ควรนำ “ภาษี” การท่องเที่ยวและน้ำมันการบินเข้ามาใช้ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการของผู้โดยสาร แต่ควรจะพิจารณาหาวิธีเติบโตร่วมกันกับอุตสาหกรรมการบินให้มีต้นทุนต่ำลง หลีกเลี่ยงการเพิ่มภาระภาษีให้การบินไปก่อน ควบคู่กับเร่งเดินหน้าพัฒนาส่วนสำคัญ 3 เรื่อง ได้แก่ 1.โครงสร้างพื้นฐาน 2.การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และ 3.ความยั่งยืน

  • เรื่องที่ 1 โครงสร้างพื้นฐานแผนการลงทุนปรับปรุงและขยาย“สนามบินสุวรรณภูมิ” ให้เกิดความมั่นใจกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียถึงเรื่องการสร้างพื้นฐานสนามบินหลักของประเทศให้สามารถรองรับการเติบโตการเดินทางทางอากาศที่เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะ “แผนแม่บทฉบับปรับปรุงใหม่” เกี่ยวกับความจุหรือขีดความสามารถของสนามบินไทยมีความสำคัญต่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ก็ควรปรึกษาหารือกับสายการบินซึ่งจะช่วยให้เกิดมั่นใจแนวทางการลงทุนพัฒนาจะสอดคล้องกับการตลาด โดยทำโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพและคุ้มต้นทุนอย่างทันท่วงทีด้วย
  • เรื่องที่ 2 การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลประเทศไทยยังลงทุนในเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติเพื่อปรับปรุงกระบวนการรองรับผู้โดยสารสนามบิน และระบบบริการ ควรพยายามสร้างผลลัพธ์ดีที่สุดมอบประสบการณ์ให้สอดคล้องกับความคิดริเริ่มระดับโลกโดยการนำมาตรฐาน One ID ระบบดิจิทัลมาใช้ระบุตัวตนในทุกการเดินทางของผู้โดยสาร กับ One Record เพื่อปรับกระบวนการขนส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพ
  • เรื่องที่ 3 ความยั่งยืนขณะนี้กระทรวงพลังงานของไทยกำลังดำเนินการร่างแผนพัฒนาน้ำมันแห่งชาติปี 2567
  • ในขณะที่อุตสาหกรรมการบินก็กำลังมุ่งลดการปล่อยคาร์บอน จึงนับเป็นโอกาสทองของไทยจะได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการกระตุ้นให้หันมาผลิตเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน หรือ SAF : Sustainable Aviation Fuel ให้ประสบความสำเร็จ ขณะนี้รัฐบาลกำลังพิจารณาแนวทางต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการผลิตเชื้อเพลิงการบิน
น้ำมัน SAF
อนาคตไทยต้องวางแผนการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน SAF ให้สอดคล้องกับความต้องการในตลาดการบินโลก

แต่รัฐบาลไทยก็ต้องคำนึงถึงสายการบินด้วยว่าสามารถซื้อเชื้อเพลิงการบินได้ก็ต่อเมื่อมีน้ำมันชนิดนี้จำหน่ายในตลาดเท่านั้น จำเป็นต้องมีอุปทานเชื้อเพลิงการบินเพียงพอจึงจะประกาศนโยบายได้ แล้วก็ต้องทำให้นโยบายหรือประกาศมีมีความยืดหยุ่นด้วย เพื่อไม่ให้สายการบินนานาชาติที่บินเข้าออกไทยไม่ถูกลงโทษ หากการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนหรือ SAF ไม่สามารถทำให้บรรลุเป้าหมายในระดับประเทศได้

เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza

สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : IATA ถกการบิน 3 ปมใหญ่ “มาตรฐานโลก-วัฒนธรรม-นวัตกรรม”