

ครม.ไฟเขียวแผนลงทุนรัฐวิสาหกิจ 46 แห่งในปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 264,106 ล้านบาท เมื่อรวม รัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทมหาชนอีก 5 แห่ง ทำให้มีงบลงทุน 465,570 ล้านบาท คาดในอีก 3 ปีข้างหน้า จะมีงบลงทุน 1ล้านล้านบาทหรือปีละกว่า 352,939ล้านบาท มีกำไรปีละ 90,808 ล้านบาท
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ด้านการประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบตามที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)เสนอกรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ46 แห่ง ประจำปีงบประมาณ2568 โดยมีวงเงินดำเนินการ 1,512,294 ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน 264,106 ล้านบาท
ทั้งนี้ครม. ยังเห็นชอบให้ประธานสศช.เป็นผู้พิจารณาอนุมัติเปลี่ยนแปลงงบลงทุนระหว่างปีภายใต้กรอบและงบลงทุนของรัฐวิสหกิจประจำปี 2568 ที่ได้รับความเห็นชอบได้ด้วย เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงาน โดยกำหนดเป้าหมายให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่า 95% ของวงเงินอนุมัติเบิกจ่ายลงทุน ทั้งนี้ งบลงทุนและวิสาหกิจ 264,106 ล้านบาท ประกอบด้วย การลงทุนสำหรับงานตามภารกิจปกติและโครงการที่ได้รับอนุมัติตามขั้นตอน 214,106 ล้านบาท และกรอบลงทุนเพิ่มเติมระหว่างปี 50,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมการลงทุนของรัฐวิสาหกิจประเภทบริษัทมหาชนจำกัดและบริษัทในเครือจำนวน 5 แห่งหรือรวมรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 51 แห่งแล้วจะทำให้ภาพรวมการลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปี 2568 มีวงเงินทั้งสิ้น 465,570 ล้านบาท
รัฐวิสาหกิจ 46 แห่งใน 3 ปีข้างหน้า คาดเบิกจ่ายลงทุนรวม1,058,818 ล้านบาท
นอกจากนี้ ครม. รับทราบประมาณการแนวโน้มการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ 46 แห่งในช่วง3 ปีข้างหน้าเบื้องต้นคาดว่าจะมีการเบิกจ่ายลงทุนรวม 1,058,818 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 352,939 ล้านบาท และผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิ 272,425 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 90,808 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการเร่งรัดเบิกจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่า 95% ของวงเงินที่ได้รับอนุมัติให้เบิกจ่ายลงทุนให้พิจารณาทบทวนความเหมาะสมจำเป็นของการลงทุนคงค้างโดยเฉพาะแผนระยะยาวจะได้โครงการที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วและยังไม่ดำเนินการ รวมทั้งให้รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาถึงความจำเป็นในการจัดตั้งบริษัทลูกหรือบริษัทในเครือเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
โดยกระทรวงเจ้าสังกัดควรพิจารณาจัดตั้ง บริษัทลูกหรือบริษัทในเครืออย่างบูรณาการกันในรัฐวิสาหกิจแต่ละกลุ่มเพื่อให้การลงทุนมีทิศทางที่เหมาะสมลดความซ้ำซ้อนและการแข่งขันกันเองเป็นต้น
เร่งการลงทุนของกระทรวงและรัฐวิสาหกิจ
ส่วนข้อเสนอแนะระดับกระทรวง เช่น ให้กระทรวงพลังงานเร่งพิจารณาการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริด และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะการเชื่อมโยงบิ๊กดาต้าของการไฟฟ้าทั้ง3 แห่ง รวมทั้งเร่งขับเคลื่อนนโยบายการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้โดยตรงหรือไดเร็ค พีพีเอ และให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ทบทวนความเหมาะสมและความจำเป็นโครงการลงทุนที่คงค้างจำนวนมาก ตลอดจนให้คณะกรรมการบริหารกิจการขสมก.กำหนดทิศทางการลงทุนให้สอดคล้องกับแผนขับเคลื่อนกิจการรวมถึงสถานะทางการเงินขององค์กรอย่างรอบคอบ และให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลควบคุมค่าใช้จ่ายภายในองค์กรโดยเฉพาะด้านบุคลากร ให้การเคหะแห่งชาติเร่งรัดทำแผนบริหารทรัพย์สินรอการพัฒนาให้เป็นรูปธรรมชัดเจนและพิจารณาการบริหารความเสี่ยงทางการเงิน เพื่อให้มีสัดส่วนทางการเงินอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “รัฐวิสาหกิจ” เบิกจ่ายงบลงทุนปี 67 ทะลุ 1.5 แสนล้านบาท