

ในงาน HUAWEI CONNECT 2024 หัวเว่ย จัดงานประชุมสุดยอดเทคโนโลยีใยแก้วนำแสง พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ F5G ขั้นสูง (F5G-Advanced) ใหม่ตามแนวโน้ม “3 In 3 Out” โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านอุตสาหกรรมอัจฉริยะให้เติบโต
นายบ๊อบ เฉิน (Bob Chen) ประธานสายผลิตภัณฑ์ธุรกิจออปติคอลของหัวเว่ย กล่าวในงานประชุมซัมมิทว่า “ขณะนี้เรากำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคอัจฉริยะ อุตสาหกรรมออปติคอลจึงได้เข้ามาเร่งให้แนวโน้ม ‘3 In 3 Out’ เติบโตอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบันทั่วโลกมีมหาวิทยาลัยที่ใช้การเชื่อมต่อเทคโนโลยีใยแก้วนำแสง (All-optical Campuses) มากกว่า 9,000 แห่ง โดยนำนวัตกรรมเครือข่ายไฟเบอร์มาใช้แทนระบบเครือข่ายแบบเก่าที่ใช้ทองแดง หรือ Fiber-in Copper-out
ส่วนในด้าน fgOTN-in SDH-out หรือเครือข่ายความเร็วสูง (Synchronous Digital Hierarchy: SDH) กำลังถูกแทนที่ด้วยมาตรฐานเครือข่ายส่งข้อมูลด้วยแสงระดับละเอียด (fgOTN) ที่มีการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น พลังงานไฟฟ้าและการขนส่ง ทำให้การใช้มาตรฐาน fgOTN เริ่มใช้งานในวงกว้างขึ้น
การตรวจจับด้วยเทคโนโลยีใยแก้วนำแสงเริ่มใช้งานในเชิงพาณิชย์กว่า 80 แห่ง
สำหรับ Optical-sensing-in Hard-work-out หรือ การตรวจจับด้วยเทคโนโลยีใยแก้วนำแสง ได้เริ่มใช้งานในเชิงพาณิชย์มากกว่า 80 แห่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หัวเว่ยจึงเชิญชวนให้ลูกค้าและพันธมิตรในอุตสาหกรรมทั้งหมดเข้ามาร่วมเปิดโอกาสใหม่กับแนวโน้ม ‘3 In 3 Out’ และเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมอัจฉริยะให้เติบโตร่วมกัน”
สำหรับ นวัตกรรมเครือข่ายไฟเบอร์มาใช้แทนระบบแบบเก่าที่ใช้ทองแดง หรือ “Fiber-in Copper-out” เพื่อเครือข่ายไฟเบอร์ภายในบ้าน หัวเว่ยได้เปิดตัวอุปกรณ์รับส่งสัญญาณ Wi-Fi 7 ONT รุ่นใหม่ล่าสุด ใช้ชื่อว่า OptiXstar EN8145 เพื่อช่วยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตสามารถอัปเกรดแพ็กเกจบริการจาก 100Mbps เป็น 1000Mbps มอบประสบการณ์ Wi-Fi ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งาน พร้อมรองรับการเข้าถึงข้อมูลความเร็วสูงภายในบ้าน
ส่วนในมหาวิทยาลัย เช่น ห้องเรียนและสำนักงาน หัวเว่ยได้อัปเดตโซลูชันFTTO 2.0หรือFiber to the Officeที่มีการใช้เครือข่ายไฟเบอร์แบบพาสซีฟ เดินจากห้องคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หลักกับเวิร์กสเตชันตามจุดต่างๆเหมาะสำหรับติดตั้งตามออฟฟิศและสำนักงาน และเปิดตัวอุปกรณ์ออปติคอลที่มีแบนด์วิธขนาดกว้างและความเร็วสูงถึง10Gbpsใช้ชื่อว่าOptiXstar P884E —ที่สามารถครอบคลุม12.5/25Gbpsและยังได้เปิดตัวอุปกรณ์Wi-Fi 7ออปติคอลของซีรีส์OptiXstar (รวมถึงW617E)อีก4รุ่น สำหรับใช้งานในโรงพยาบาล โรงแรม และเครือข่ายการศึกษา สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับวิทยาเขตอัจฉริยะที่ครอบคลุมด้วยWi-Fi 7
สำหรับนวัตกรรมเครือข่ายไฟเบอร์มาใช้แทนระบบเครือข่ายแบบเก่าที่ใช้ทองแดง หรือ Fiber-in Copper-Out เพื่อระบบการสื่อสารอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมไฟฟ้าและการขนส่งนั้น
ทางหัวเว่ยได้เปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์การรับส่งข้อมูลแบบเทคโนโลยีใยแก้วนำแสงตัวแรกในอุตสาหกรรมที่รองรับมาตรฐานfgOTNในรูปแบบE2E(End-to-End supply chain managementหรือ ซัพพลายเชนที่มีกระบวนกาครอบคลุมการจัดหา เคลื่อนย้าย และเปลี่ยนแปลงของสินค้าจากซัพพลายเออร์ต้นทางไปยังผู้บริโภคซึ่งรวมทุกขั้นตอนในซัพพลายเชนเอาไว้ในความดูแลของธุรกิจเดียว) ใช้ชื่อว่าOptiXtrans E6600/9600ช่วยสร้างระบบเครือข่ายการสื่อสารที่มีความเสถียร และความน่าเชื่อถือให้กับอุตสาหกรรมเหล่านี้
เปิดตัวโซลูชันแบบ Dual-Mode ช่วยลดระยะเวลาในการเก็บข้อมูลจากมิเตอร์ไฟฟ้า
นอกจากนี้ ทางหัวเว่ย ยังได้เปิดตัวโซลูชันแบบ Dual-Mode สำหรับการใช้งานสื่อสารแบบ 2 ทิศทาง ผ่านสายไฟฟ้าความเร็วสูง (HPLC) ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลจากมิเตอร์ในครัวเรือนได้อย่างแม่นยำถึง 99.9% ซึ่งโซลูชันนี้ สามารถช่วยลดระยะเวลาในการเก็บข้อมูลจากมิเตอร์ไฟฟ้าจาก 15 นาที ลดเหลือเพียง 1 นาที เท่านั้น ซึ่งเป็นนวัตกรรมดิจิทัลที่อัปเกรดขึ้นมา เพื่อช่วยในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะในอนาคต
นำนวัตกรรมเครือข่ายไฟเบอร์ระบบใหม่มาใช้ใน Data Center
นอกจากนี้ หัวเว่ยยังนำนวัตกรรมเครือข่ายไฟเบอร์มาใช้ทดแทนระบบเครือข่ายแบบเก่าที่ใช้ทองแดง หรือFiber-in Copper-outเข้าไปใช้ในศูนย์ข้อมูล(Data Center)อีกด้วย
ซึ่งปัจจุบันใช้เครือข่ายบริเวณกว้างWide Area NetworkหรือWANsเชื่อมต่อข้อมูล เพื่อรองรับระบบเครือข่ายขนาดใหญ่และคอมพิวเตอร์อัจฉริยะทั้งหมด ใช้ชื่อว่าOptiXtrans DC808ซึ่งเป็นสวิตช์ที่ใช้เทคโนโลยีใยแก้วนำแสงทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น การขยายเครือข่าย ความปลอดภัยต่ำที่เกิดจากโมดูลเทคโนโลยีใยแก้วนำแสงที่เสี่ยงต่อการขัดข้อง
สำหรับการใช้ระบบตรวจจับด้วยเทคโนโลยีใยแก้วนำแสงแทนการตรวจสอบแบบดั้งเดิมหรือOptical-sensing-in Hard-work-outหัวเว่ยยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์การตรวจจับการรั่วไหลของก๊าซอัจฉริยะ ใช้ชื่อว่าOptiXsense ES100ที่ใช้เทคโนโลยีการตรวจจับแบบสเปกตรัม
เพื่อรับประกันความปลอดภัยของก๊าซในเมืองโซลูชันของหัวเว่ยตัวนี้ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับได้มากถึง40%ยืดอายุการใช้งานออกไป50%และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ภายใน3ปี โดยใช้งานในเขตเฉิงตู ไฮเทคโซน(Chengdu Hi-tech Zone)แล้วเป็นเวลาครึ่งปี พร้อมการตรวจสอบความแม่นยำและความเชื่อถือได้อย่างเต็มที่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ม.อ. และ หัวเว่ย ร่วมเปิดศูนย์นวัตกรรมและพัฒนาบุคลากรด้านไอซีทีแห่งแรกในเอเชียแปซิฟิก