เคซีจี จับมือ 5 พันธมิตรลงนาม MOU ทุ่ม 200 ล้านขยายกำลังผลิตเนย

เคซีจี ลงนามบันทึกข้อตกลง
เคซีจี จับมือ 5 พันธมิตร ลงนาม MOU ทุ่ม 200 ล้าน ขยายกำลังผลิตเนย


บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารตะวันตกเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์ ร่วมกับ 5 พันธมิตร บริษัท มิไร เอ็มอีพี เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด, บริษัท เคอร์รี่ แอนด์ บราวน์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท มาร์ช ยูทิลิตี้ จำกัด, บริษัท ไคเนติก จำกัด และ บริษัท เชง ฮัว (ประเทศไทย) จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือขยายกำลังไลน์ผลิตเนยและมาการีน มูลค่าโครงการ 217 ล้านบาท

เคซีจี
ดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าจากผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ มียอดขายรวม 1,785.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% และมีกำไรสุทธิ 71.6 ล้านบาท เติบโต 22.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม (Dairy Products) มียอดขาย 1,085.7 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 60.8% ทำให้เห็นชัดว่าความต้องการของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ Dairy Products สูงขึ้น และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง KCG จึงต้องการปรับปรุง และขยายไลน์การผลิตเนยและมาการีน เพื่อยกระดับศักยภาพการผลิต พร้อมกับนำนวัตกรรมใหม่เข้ามาเสริมประสิทธิภาพการผลิตอย่างยั่งยืนเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างเพียงพอ

เคซีจี ตั้งเป้าขยายผลผลิตให้เป็น 23,000 ตันต่อปี

นายดำรงชัยกล่าวว่า  ปัจจุบันกำลังการผลิตเนยของ KCG สามารถผลิตได้ 18,000 ตันต่อปี ซึ่งการดำเนินการโครงการในครั้งนี้ KCG ต้องการตั้งเป้าขยายผลผลิตให้เป็น 23,000 ตันต่อปี (สูงสุด 23,261 ตันต่อปี) ภายในปี 2568 โดยทุ่มมูลค่าโครงการกว่า 217 ล้านบาท ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 22 เดือน เริ่มต้น ม.ค. 67 และแบ่งเป็น 5 ระยะ 

ระยะที่ 1 : ปรับปรุงพื้นที่สายการผลิตเนยปัจจุบัน 1,284 ตารางเมตร  โดยรวมพื้นที่สายการผลิตเดิมของ Processed Cheese จำนวน 1,080 ตารางเมตร และติดตั้งเครื่องจักรเพิ่ม และระบบสายพานลำเลียงใหม่ ทำให้มีพื้นไลน์ผลิตเนยที่รวมแล้วเสร็จ 2,364 ตารางเมตร

ระยะที่ 2 – 5 : เพิ่มเครื่องจักรในการบรรจุแบบอัตโนมัติ และการจัดการสายการผลิต ให้สอดคล้องกับพื้นที่ส่วนขยาย อาทิ ระบบลำเลียง (Conveyor) การจัดเรียงพาเลตอัตโนมัติ (Robotic Palletizer) สามารถรองรับการผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้ถึงปี 2574

เคซีจี
บรรลุเป้าหมายสร้างอาณาจักรอาหารตะวันตก เนยและชีส ให้เติบโตมั่นคงและยั่งยืน

“เพื่อบรรลุเป้าหมายสร้างอาณาจักรอาหารตะวันตก เนยและชีส ให้เติบโตมั่นคงและยั่งยืน KCG จะยังคงพัฒนาแผนการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิต และนำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้สอดรับกับหนึ่งในเจ็ดกลยุทธ์องค์กร เรื่อง Production & Automation เพื่อยกระดับกำลังการผลิตที่ทันสมัยและครบวงจรไปอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ทั้งในกลุ่มเนยและชีส ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ อาทิ อาหารทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ  ตามเป้าหมายที่จะสร้างองค์กรสู่การเติบโตที่มั่นคง ยั่งยืน และพร้อมสู่อนาคตที่กำลังเปลี่ยนแปลง” นายดำรงชัยกล่าว

เกี่ยวกับบริษัทเคซีจี

บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG คือ ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารตะวันตกเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์ สัญชาติไทย ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ 2501 จากเดิมใช้ชื่อว่า “กิมจั๊วพาณิชย์” ซึ่งมีแบรนด์สินค้าที่อยู่คู่ประเทศไทยมานาน อาทิ ‘อิมพีเรียล’ คุกกี้กล่องแดง, ‘อลาวรี่’ แบรนด์ผลิตภัณฑ์เนย และชีส ยอดขายอันดับ 1 ยาวนานถึง 8 ปีซ้อน, ‘ซันควิก’ น้ำผลไม้เข้มข้น จากธรรมชาติ ยอดขายในไทยกว่า 800,000 ขวด ต่อปี

ในช่วงแรกเริ่มดำเนินธุรกิจทางด้านการนำเข้าและเป็นตัวแทนจำหน่าย สินค้าประเภทอาหารสำเร็จรูปจากต่างประเทศ จนมาถึงปัจจุบันได้มีการพัฒนาจนธุรกิจเติบโต กลายเป็นทั้งผู้นำเข้า ผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภค

ทั้งธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม ในกลุ่มสินค้าประเภท เนยและชีส ธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่เป็นส่วนประกอบอาหารและเบเกอรี่ รวมถึงธุรกิจผลิตภัณฑ์บิสกิตหรือขนมสําเร็จรูปต่าง ๆ อาทิ คุกกี้ แยมผลไม้ เยลลี่ สําเร็จรูป มากกว่า 2,000 สินค้าภายใต้บริษัทฯ และเมื่อ 3 สิงหาคม 2566 ได้เข้ารับการจดทะเบียน บริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ททท. MOU ท่องเที่ยว ภูฏาน ทำโมเดลทัวร์ยั่งยืน 2 ประเทศ 1 เส้นทาง