“มนพร” ปลุกการขนส่งเรือตู้คอนเทนเนอร์ผ่าน ”ท่าเรือระนอง“

ท่าเรือระนอง
ปลุกการขนส่งทางเรือตู้คอนเทนเนอร์ ผ่าน ท่าเรือระนอง รับอานิสงค์ขนส่งสินค้าจากเมียนมา


มนพร ลุยปลุกการขนส่ง ทางเรือตู้คอนเทนเนอร์ ผ่าน ท่าเรือระนอง รับอานิสงค์ขนส่งสินค้าจากเมียนมา ชี้พบสัญญาณบวก เผยหลังมีตู้สินค้าระลอกแรกเข้า ท่าเรือระนอง แล้ว คาดเติบโตขึ้นต่อเนื่อง

  • มอบ กทท. เตรียมความพร้อมในทุกมิติ ลุยพัฒนารองรับเมกะโปรเจกต์ “แลนบริดจ์”
  • หวังสร้างเส้นทางการค้าใหม่ ดันไทยสู่ฮับขนส่งสินค้าทางทะเล ศูนย์กระจายสินค้าแห่งหนึ่งของโลก
  • ชี้ท่าเรือระนอง จะเป็นกิจกรรม ที่เกี่ยวเนื่อง และสนันสนุนโครงการแลนด์บริดจ์ ต่อไป

นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการไปยัง การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ให้เตรียมความพร้อมของท่าเทียบเรือระนองให้พร้อม ในการให้บริการทั้งสิ่งอํานวยความสะดวก ในการให้บริการขนส่งสินค้าทั้งเครื่องมือทุ่นแรง พื้นที่ลานวางตู้สินค้า รวมถึงแรงงานยกขน เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าจากเมียนมามายังท่าเรือระนอง

เนื่องจากขณะนี้ สถานการณ์สงครามในเมียนมา ได้ส่งผลให้การค้าชายแดนไทย-เมียนมา หยุดชะงัก ทําให้ผู้ประกอบการส่วนมากหันมาใช้ช่องทางการค้า ทางเลือกใหม่ในการขนส่งสินค้าชั่วคราว โดยเปลี่ยนจากการขนส่งทางรถบรรทุกทางด่านแม่สอด หันมาใช้การขนส่งเส้นทางท่าเรือระนอง โดยเรือบาร์จ (Barge) แทน

โดยจากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงสั่งการให้ กทท. เตรียมพร้อมผลักดัน การขนส่งเรือตู้คอนเทน เนอร์ผ่านท่าเรือระนองหวังพัฒนาต่อยอดเชื่อมโครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน (แลนด์บริดจ์ ) ในการสร้างเส้นทางการค้าใหม่ที่สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลาได้มากกว่า ซึ่งการขนส่งทางน้ำนั้นมั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจ-ยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ชุมชนในพื้นที่ ได้

ท่าเรือระนอง
ตู้คอนเทนเนอร์ วางเรียงราย ที่ท่าเรือระนอง รับอานิสงค์ขนส่งสินค้าจากเมียนมา

นางมนพร กล่าวด้วยว่า การที่ผู้ประกอบการหันมาใช้ช่องทางการค้าทางเลือกใหม่ ในการขนส่งสินค้าชั่วคราว โดยเปลี่ยนจากการขนส่งทาง รถบรรทุกทางด่านแม่สอด หันมาใช้การขนส่งเส้นทางท่าเรือระนองโดยเรือบาร์จ (Barge) นับเป็นนิมิตหมาย อันดีในการเปิดเส้นทางการค้าชายแดน ทางทะเลฝั่งใต้อีกครั้ง

โดยการขนส่งผ่านท่าเรือระนองนี้ จะเป็นกิจกรรม ที่เกี่ยวเนื่อง และสนันสนุนโครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน (แลนด์บริดจ์) ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลพยายามที่จะผลักดัน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) อย่างยั่งยืน

และเพื่อเชื่อมต่อกับการขนส่ง และคมนาคมของโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่จะสร้างมูลค่ามหาศาล ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย และมีประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ทั้งในพื้นที่จังหวัดระนองและชุมพร รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม

“โครงการแลนด์บริดจ์เป็นแผนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) ที่จะเชื่อมกับ EEC เพื่อพัฒนาการขนส่งอย่างไร้รอยต่อ ทั้งทางถนน ราง และน้ํา ส่วนในภาคประชาชน จะช่วยยกระดับผลผลิตทางการเกษตร การพัฒนาพืชสัตว์เศรษฐกิจ การพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรในชุมชนพื้นที่ ภาคใต้ คาดช่วยเพิ่ม GDP ภาคใต้ได้จาก 2% เป็น 10% ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว” นางมนพร กล่าว

นอกจากนี้ การดึงเอกชน เข้ามาลงทุน ทั้งการตั้งโรงงานเป็นฐานการผลิต เกิดเป็นนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ จะทําให้เกิดการจ้างงาน ประชาชนทั้งจังหวัดระนอง และชุมพร ซึ่งชุมชนและประชาชน จะได้รับประโยชน์ จากโครงการนี้

ทําให้เศรษฐกิจของภาคใต้ มีศักยภาพและเติบโต อย่างก้าวกระโดด โดยมั่นใจว่าประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางทะเล และศูนย์กลางการกระจายสินค้า แห่งหนึ่งของโลกในอนาคต

ด้าน นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อํานวยการ กทท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ท่าเรือระนองได้รับเรือตู้สินค้า ระลอกแรก เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2567 และ วันที่ 8 ก.ค. 2567 คือ MCL-4 และ BEYPORE SULTAN เส้นทางย่างกุ้ง-เกาะสอง-ระนอง

โดยเรือลําแรก MCL – 4 สินค้าขาเข้าจากท่าเรือย่างกุ้ง บรรทุกตู้สินค้าเข้ามา จํานวน 39 ตู้ และมีสินค้าขาออก เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2567 บรรทุกตู้สินค้าจากไทย 56 ตู้ ส่วนเรือ BEYPORE SULTAN สินค้าขาเข้าจากท่าเรือย่างกุ้งบรรทุกตู้สินค้าเข้ามาจํานวน 56 ตู้ และมีสินค้าขาออก จํานวน 35 ตู้

ท่าเรือระนอง
เรือบาร์จ (Barge) รับเรือตู้สินค้า ระลอกแรก เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2567 และ วันที่ 8 ก.ค. 2567 คือ MCL-4 และ BEYPORE SULTAN เส้นทางย่างกุ้ง-เกาะสอง-ระนอง

ซึ่งสินค้านําเข้าทั้ง 2 เที่ยวเรือ เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และมีสินค้าที่ส่งออกเป็นสินค้า อุปโภค บริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า และวัสดุก่อสร้าง โดยหลังจากนี้ คาดว่าจะมีเรือสินค้าเข้าเทียบท่าอย่างต่อเนื่อง

ส่วนใหญ่จะขนส่งสินค้าประเภท ตู้สินค้า ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค เรือสนับสนุนแท่นขุด เจาะปิโตรเลียม และก๊าซธรรมชาติ (Offshore Supply) และผลิตภัณฑ์โลหะที่จะนํากลับมารีไซเคิล

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันท่าเรือระนอง มีท่าเทียบเรือทั้งหมด 2 ท่า ได้แก่ ท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ ซึ่งมีขนาดความกว้าง26 เมตร ยาว 134 เมตร รองรับเรือสินค้าได้ไม่เกิน 500 ตันกรอส จอดเรือเทียบท่า พร้อมกันได้ 2 ลํา และท่าเทียบเรือตู้สินค้าขนาดกว้าง 30 เมตร ยาว 150 เมตร รองรับเรือสินค้าได้ไม่เกิน 12,000 เดดเวทตัน จอดเรือเทียบท่าได้ครั้งละ 1 ลํา

อีกทั้ง ยังมีพื้นที่ฝากเก็บสินค้า ประกอบด้วย โรงพักสินค้า ขนาดพื้นที่ 1,500 ตารางเมตร ลานวางสินค้าทั่วไปขนาดพื้นที่ 7,200 ตารางเมตร และลานวางตู้สินค้าขนาด พื้นที่ 11,000 ตารางเมตร ทั้งนี้ ท่าเรือระนองพร้อมพัฒนาศักยภาพ เพื่อรองรับตู้สินค้าในอนาคตเพื่อการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศต่อไป

การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “คมนาคม” ยัน! แผนพัฒนาท่าเรือบก ทำการศึกษาแนวทางอย่างละเอียด