คนไทยได้อะไรจาก “สถานบันเทิงครบวงจร” และ “กาสิโน”

สถานบันเทิงครบวงจร
คนไทยได้อะไรจาก “สถานบันเทิงครบวงจร” และ “กาสิโน”


ประเทศไทยถ้ามี “สถานบันเทิงครบวงจร” (Entertainment Complex) ที่มีทุกอย่างให้บริการพร้อมสรรพรวมถึงมี “กาสิโน” ด้วยจะเป็นอย่างไร??

“นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี สนับสนุนให้ประเทศไทยมี สถานบันเทิงครบวงจร
“นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี สนับสนุนให้ประเทศไทยมี สถานบันเทิงครบวงจร

เพราะดูท่าทีของ “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี แล้ว ต้องการสนับสนุนให้ประเทศไทยมีสถานบันเทิงครบวงจร ที่ไม่ได้มีเพียงแค่ “กาสิโน” เท่านั้น

แต่ยังประกอบด้วยสถานบริการอื่นๆ อีก เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรมหรู  ร้านอาหารและบาร์ ศูนย์การประชุม สวนสนุก สนามกีฬา สถานที่แสดงโชว์ พื้นที่ส่งเสริมวัฒนธรรมไทย และจำหน่ายสินค้าโอทอป ฯลฯ

เพื่อหวังให้เป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่มากกว่ารายได้จากการท่องเที่ยว และทำให้เศรษฐกิจสีเทาเศรษฐกิจมืดกลายเป็นเศรษฐกิจถูกกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลจะสามารถจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น

โดยล่าสุด นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง เร่งศึกษาผลศึกษาของ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ และให้นำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน 30 วัน

หลังจากที่ ครม. เมื่อเดือนเม.ย.67 ได้เห็นชอบรายงานดังกล่าวแล้ว ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ และเมื่อครบ 30 วันเมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงการคลังได้รายงานให้ครม.ทราบเบื้องต้น แต่ขอเวลากลับไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ก่อนที่จะกลับมารายงานครม.อีกครั้งในเร็วๆ นี้

“กาสิโน” สร้างรายได้มหาศาล

เผย ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเปิด สถานบันเทิงครบวงจร
เผย ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเปิด สถานบันเทิงครบวงจร

ในเวลาเดียวกัน ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชน และประเมิน “ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร” ด้วยเช่นกัน เพื่อนำเสนอข้อมูลอีกด้านให้รัฐบาลประกอบการตัดสินใจ จะสนับสนุนให้มีสถานบันเทิงครบวงจรหรือไม่

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บอกว่า ผลสำรวจยังไม่ชัดเจนว่าคนไทยจะสนับสนุนให้เปิดสถานบันเทิงฯ

เพราะจะมีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ชี้ให้เห็นว่า คนไทยยังละล้าละลังกับการเปิดสถานบันเทิงฯ และเมื่อถามว่า จะไปเล่นหรือไม่ ก็มีทั้งตอบไป และไม่ไป

แต่ในด้านเศรษฐกิจนั้น จะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทต่อ 1 แห่ง เพิ่มรายได้ให้กับการท่องเที่ยว เพิ่มรายได้ของธุรกิจสถานบันเทิงฯ สร้างงาน/กระจายรายได้ และเพิ่มรายได้ให้รัฐบาล

หากคิดเป็นตัวเงิน ประเมินว่า ประเทศไทยจะมีรายได้รวมสูงถึง 88,638-120,938 ล้านบาท!!

ซึ่งแบ่งเป็น รายได้ของผู้ประกอบการ 56,250-82,917 ล้านบาท จากการให้รเล่นเกม และให้บริการอื่นๆ

และรายได้ของรัฐบาล 32,388-38,022 ล้านบาท จากการเก็บภาษีกาสิโน ภาษีมูลค่าเพิ่มจากธุรกิจบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและค่าธรรมเนียมรายปี ค่าธรรมเนียมการเข้ากาสิโน (เก็บเฉพาะคนไทย เพื่อจำกัดการเข้าถึง) เกิดการจ้างงานมากถึง 59,378-87,527 ตำแหน่ง

โดยรายได้ดังกล่าว ขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาใช้บริการ ประเมินว่า อาจมีสัดส่วน 10-30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทยที่ราว 40 ล้านคนต่อปี

อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับอัตราภาษีกาสิโน ที่รัฐบาลจะจัดเก็บ ประเมินว่า อัตราที่จะทำให้ไทยแข่งขันกับกาสิโนต่างประเทศได้ ควรอยู่ที่ 15-20% ของรายได้จากการเล่นเกมและพนัน ซึ่งมาเก๊า เก็บที่ 35% สิงคโปร์ 17%

ขณะที่รายได้ของกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศอื่นๆ อย่างมาเก๊า อยู่ที่ 32,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ, ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา 30,000 ล้านเหรียญฯ, สิงคโปร์ 12,000 ล้านเหรียญฯ, เกาหลีใต้ 9,000 ล้านเหรียญฯ, ฟิลิปปินส์ 6,000 ล้านเหรียญฯ, เวียดนาม 5,000 ล้านเหรียญฯ เป็นต้น

นอกจากนี้ จากกรณีศึกษาของสิงคโปร์ ยังพบว่า การเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย ทำให้รัฐบาลสิงคโปร์เก็บภาษีได้มากขึ้น และนำเงินเข้ากองทุนบำกัดและเยียวยาผู้ได้รับผบกระทบ/ปราบปรามการพนันผิดกฎหมาย

ขณะเดียวกัน ปัญหาการพนันผิดกฎหมายลดลงต่อเนื่อง และช่วยทำให้เศรษฐกิจขยายตัว โดยปี 65 รายได้ของสถานบันเทิงฯ อยู่ที่ราว 12,000 ล้านเหรียญฯ มีสัดส่วน 4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศสิงคโปร์ (จีดีพี) สร้างงานราว 20,000 คน

ภัยด้านมืดที่คนไทยต้องเผชิญ

กาสิโน
กาสิโน

อย่างไรก็ตาม การมี “กาสิโน” ไม่ได้มีแค่ผลกระทบด้านดีเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบด้านลบ ที่คนไทยต้องเผชิญหน้า และรับมือด้วย

โดยผลกระทบด้านลบนั้น มีทั้งการเพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจใต้ดิน เช่น ผู้ประกอบการอาจเลี่ยงเสียภาษี/ฟอกเงินผ่านกาสิโนและการพนัน เร่งการเติบโตของธุรกิจผิดกฎหมายที่เกี่ยวกับการพนัน

ขณะเดียวกัน ยังเกิดหนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้น เพราะผู้คนติดการพนัน หรือมีหนี้สินจากการพนัน กระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจของครัวเรือน

อีกทั้งยังเกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้เพิ่มขึ้น เช่น รายได้กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มกาสิโน/กลุ่มนายทุน หรือกลุ่มได้ประโยชน์และเสียประโยชน์มีความเหลื่อมล้ำกันมากขึ้น

รวมถึงเกิดปัญหาสังคมจากการติดพนัน ทั้งปัญหาอาชญากรรม/โจรกรรม เกิดผลกระทบทางอ้อมต่อครอบครัว/สังคม และยังสร้างต้นทุนทางสังคม เช่น ค่ารักษา/บำบัด/ฟื้นฟูผู้ติดพนัน

ดังนั้น รัฐบาลต้องมีมาตรการป้องกันและบรรเทาผลกระทบด้านลบ ได้แก่ ออกกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการพนันและกาสิโนให้ครอบคลุมและเข้มงวด

การป้องกันและบำบัดการติดพนัน โดยจำกัดการเข้าถึงของกลุ่มเสี่ยงสูง ให้ความรู้และรณรงค์ป้องกันการติดพนัน ตั้งศูนย์บำบัดและให้คำปรึกษาผู้ติดพนัน

นอกจากนี้ ยังควรจัดสรรรายได้พัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ เช่น ตั้งกองทุนนำรายได้มาพัฒนาสังคม การศึกษา สาธารณสุข หรือลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ

และสุดท้าย สร้างความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน-ประชาสังคม โดยสร้างเครือข่ายเพื่อกำกับดูแลและบรรเทาผลกระทบ ส่งเสริม CSR ภาคเอกชน เปิดให้ประชาสังคมเฝ้าระวัง/เสนอแนะ

หากรัฐบาลจะไฟเขียวให้มีสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโนจริง ก็คงอีกหลายปี ระหว่างนี้ ควรเตรียมความพร้อม สร้างภูมิคุ้มกันให้คนไทย สังคมไทย รับมือกับภัยด้านมืดที่จะเกิดขึ้นด้วย

เพื่อให้การมี “สถานบันเทิงครบวงจร” และ “กาสิโน” สร้างประโยชน์สูงสุดให้กับคนไทย เศรษฐกิจไทย และประเทศไทยได้อย่างแท้จริง!!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : นายก สั่งคลัง ศึกษาเอ็นเตอร์เทนเม็นต์ คอมเพล็กซ์