

TCEB งัดตลาดเชิงรุกอุตสาหกรรมไมซ์ ขานรับนโยบายรัฐบาลชิงงาน “World Pride 2030” โหมแคมเปญ “ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย” กระตุ้นองค์กรขนาดใหญ่ ใช้เงินประชุม และอินเซนทีฟ 55 เมืองรอง เร่งเดินสาย “โร้ดโชว์” ชิงลูกค้ารายใหญ่ ในจีนอินเดีย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลัง 2567 กำลังเร่งขับเคลื่อนไมซ์ในและต่างประเทศตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลวางแผนนำหน่วยงานเกี่ยวข้องเสนอให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Pride 2030 ปี 2573
โดยใช้โอกาสที่ทั่วโลกมารวมตัวกันจัดงาน Pride Month ในไทยตลอดมิถุนายน 2567 เมื่อช่วงต้นเดือนเปิดเทศกาลวันแรกอย่างยิ่งใหญ่ผู้มีความหลากหลายทางเพศทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมเกือบ 3 แสนคน สามารถช่วยปูพรมทำให้นานาประเทศเข้าถึงเมืองไทยได้มากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องการดึงงานระดับโลก เวิลด์ ไพรด์ 2573 มาจัดในไทย
ขณะนี้รัฐบาลให้การสนับสนุนทีเส็บเต็มที่ในการเสริมความแข็งแกร่งร่วมกับคอมมูนิตี้ไพรด์ที่อยู่ในไทยเริ่มจากเดือนพฤษภาคม 2567 จับมือกันกว่า 25 องค์กร
และตัวแทนจากทุกจังหวัดเข้ามานำเสนอศักยภาพขอเป็นสถานที่จัดเวิลด์ ไพรด์ ขณะนี้คัดจนเหลือเพียง 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น จะต้องโหวตเลือก 1 ใน 3 จังหวัดนี้ภายในวันที่ 11 กรกฎาคม 2567
ส่วนวิธีการนำประเทศไทยเข้าประมูลเป็นเจ้าภาพงาน “เวิลด์ ไพรด์ 2030” จะต้องเตรียมอีกหลายขั้นตอนควบคู่กันไป ประกอบด้วย
ขั้นตอนที่ 1 ทีเส็บได้เข้าไปมีส่วนร่วมช่วยก่อตั้ง ASEAN Pride Alliance ล่าสุดตัวแทนซึ่งบทบาทสำคัญของวงการไพรด์เข้าพบนายกรัฐมนตรีเมื่อ 4 มิถุนายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล ได้แก่ คุณมิเชล มิว แอมบาสเดอร์เวิลด์ไพรด์ คุณโอลิเวีย จากญี่ปุ่น คุณเฮนรี่ จากฮ่องกง คุณทีตาร์ จากบังกลาเทศ ได้รับการยืนยันจากรัฐบาลพร้อมช่วยสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นสถานที่จัดเวิลด์ไพรด์ ทางรัฐบาลไทยจะประกาศความชัดเจนวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ผ่านเวทีวุฒิสภาเรื่องการอนุญาตใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว
ขั้นตอนที่ 2 ไทยจะต้องจัดเตรียมความพร้อมส่วนต่าง ๆ ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 4 เดือน เพื่อแข่งกับอีกหลายประเทศก็สนใจเข้าร่วมประมูลเป็นเจ้าภาพ เวิลด์ ไพรด์ 2023 ซึ่งหมุดดหมายของแต่ละประเทศจะต้องทำนอกเหนือจากความเท่าเทียมตามมาตรการของสหประชาชาชาติแล้ว ยังต้องสะสมการจัดอีเวนต์ที่เกี่ยวข้องเพื่อแสดงถึงศักยภาพของเมืองไทยควบคู่กันไปด้วย

ส่วนตลาดไมซ์ในประเทศ ได้เปิดตัวแคมเปญ “ยกทีมประชุม รุมรักเมืองไทย” ระหว่างมิถุนายน-พฤศจิกายน 2567 กระตุ้นไมซ์องค์กรขนาดใหญ่หรือคอปอร์เรต บริษัทต่าง ๆ หันมาประกวดแข่งขันกันจัดงานประชุมทั่วประเทศเพื่อชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1.5 ล้านบาท สร้างสีสันใหม่ด้วยการกระตุ้นให้เกิดแนวคิดจัดงานประชุมเทรนด์ใหม่ ๆ
โดยหวังผลสำเร็จจากแคมเปญนี้ ช่วยกระตุ้นตลาดเจนวายหันมาจัดประชุมเทรนด์ใหม่ ๆ ขยายฐานการเติบโตอย่างรวดเร็ว และสร้างสีสันแคมเปญให้สนุกสนานได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
สอดคล้องตามมติคณะรัฐมนตรีใหม่ล่าสุดเรื่องมาตรการลดหย่อนภาษีการเดินทางจัดประชุม สัมมนา อินเซ็นทีฟ ในเมืองน่าเที่ยวหรือเมืองรองทั่วประเทศ 55 จังหวัด ลดหย่อนถึง 2 เท่า โดยหารือร่วมกับ ททท.สร้างทำโครงการเด่น ๆ ร่วมกัน ทยอยออกแคมเปญต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ

สำหรับตลาดไมซ์ต่างประเทศ กำลังจะทำโร้ดโชว์กระตุ้นไมซ์เริ่มปลายเดือนมิถุนายน 2567 เตรียมไปเซี่ยงไฮ้ กวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน จะบุกตลาดประชุม อินเซ็นทีฟ จัดงานแสดงสินค้า หรือ MIC ส่วน “อินเดีย”
เตรียมนำเสนอการจัดงาน President Awards 2024 วันที่ 25 ตุลาคม 2567 จะคัดเลือกและเชิญเจ้าของบริษัททำอินเซ็นทีฟแถวหน้าของอินเดียมารับรางวัลในเมืองไทย เพิ่มรายได้และจำนวนเข้าประเทศช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ส่วนแผนงานช่วงกรกฎาคม-สิงหาคม นี้ ทางทีเส็บก็จะไปประมูลงานไมซ์ต่าง ๆ มาจัดในไทย เพื่อทำรายได้เติบโตได้ตามเป้าหมายและสามารถนำอุตสาหกรรมไมซ์มาเป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่นในเมืองรองทั้ง 55 จังหวัด
-เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : รัฐ จับมือภาคเอกชน เพิ่มศักยภาพ 55 เมืองน่าเที่ยว