ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3-4…สำคัญหรือไม่ “หมอยง” มีคำตอบ



  • ไขข้อข้องใจ โควิด-19 วัคซีน ทำไมจึงต้องมีเข็มกระตุ้น
  • ชี้ฉีดมาแล้วเป็นเวลานาน ระดับภูมิต้านทานจะลดต่ำลง ประสิทธิภาพการป้องกันลดลง
  • ลั่นเข็มกระตุ้นสำคัญมากในกลุ่มเสี่ยง และกลุ่มเปราะบาง

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก : Yong Poovorawan เมื่อวันที่ 24 ก.พ.65 ที่ผ่านมา ในหัวข้อ “โควิด-19 วัคซีน ทำไมจึงต้องมีการกระตุ้นเข็ม 3 เข็ม 4” โดยมีเนื้อหาดังนี้…

“โควิด-19 วัคซีน ทำไมจึงต้องมีการกระตุ้นเข็ม 3 เข็ม 4

ยง ภู่วรวรรณ 24 กุมภาพันธ์ 2565

วัคซีนในปัจจุบันไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่เป็นที่ยอมรับความมีประสิทธิภาพในการลดความรุนแรงของโรคโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง

แต่เดิมหลังจากพัฒนาวัคซีน มีเป้าหมายป้องกันการติดเชื้อ ไวรัสโควิดมีระยะฟักตัวสั้น จึงทำให้ยากต่อการป้องกันการติดเชื้อ เพราะต้องการระดับภูมิที่สูงอยู่ตลอดเวลา

เมื่อให้วัคซีนครบ 2 เข็ม การศึกษาประสิทธิภาพในระยะแรก เป็นการศึกษาประสิทธิภาพในระยะสั้นหลัง 2 เข็ม จึงดูเหมือนว่าได้ผลดี แต่ความเป็นจริงเมื่อกาลเวลายาวนานออกระดับภูมิต้านทานลดต่ำลง ประสิทธิภาพในการป้องกันและลดอาการของโรคจึงลดลงตามระยะเวลาที่ห่างออกไป

เมื่อมีการกระตุ้นเข็มสาม จะมีการยกระดับภูมิต้านทานให้ขึ้นสูงไปใหม่ และก็จะลดลงตามกาลเวลาอีกเช่นเคย จึงจำเป็นที่จะต้องมีการกระตุ้นให้ภูมิต้านทานอยู่ในระดับที่สูงขึ้นอีก และก็จะลดลงอีก จึงมีความสำคัญในการกระตุ้นโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบาง

ภูมิคุ้มกันที่วัด ที่เป็นแอนติบอดี้หรือระดับ B เซลล์ จะป้องกันการติดเชื้อ ยิ่งสูงก็จะสามารถป้องกันข้ามสายพันธุ์ได้ส่วนระดับ T  เซลล์ จะช่วยลดความรุนแรงหรือทำให้หายเร็วขึ้น

เมื่อเราให้วัคซีนมาแล้วเป็นระยะเวลายาวนาน ขณะนี้การให้วัคซีนในประเทศไทยจะครบ 1 ปี จึงไม่แปลกที่ภูมิต้านทานจะลดลง และจำเป็นที่จะต้องมีการกระตุ้นเข็ม 3  และถ้านานวันออกไปอีก โดยเฉพาะปีนี้เป็นปีที่ 2 ก็จะไม่แปลกที่จะต้องมีการให้เข็มกระตุ้นเพิ่มขึ้นอีกหรือให้เข็มที่ 4  เพื่อยกระดับภูมิต้านทานที่สูงขึ้น ดังแสดงในรูป

ไวรัสกลายพันธุ์หลบหลีกระบบภูมิต้านทาน เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ต้องใช้ภูมิต้านทานในระดับที่สูงกว่าปกติ และที่ผ่านมาก็จะเห็นว่า เมื่อให้วัคซีนในประชากรหมู่มากขึ้น ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อัตราความรุนแรงของโรค และอัตราการเสียชีวิต ลดลงกว่าการระบาดในปีแรกๆ”