อันตรายกว่าที่คิด… สธ. เตือนฝุ่นพิษ PM2.5 มีผลกระทบระบบทางเดินหายใจ-หัวใจ-หลอดเลือด-สมอง



นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่อากาศหนาว มีความกดอากาศปกคลุมพื้นที่กั้นฝุ่นไว้ไม่ให้ลอยตัวสูงขึ้น ฝุ่นควันจึงถูกกักสะสมเป็นปริมาณมากในพื้นที่ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในบางพื้นที่ยังต้องเฝ้าระวังคุณภาพอากาศที่อาจมีผลต่อสุขภาพ

ทั้งนี้เมื่อเรารับสัมผัสฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เข้าสู่ร่างกายทางระบบหายใจ เนื่องจากขนาดของฝุ่น PM2.5 เล็กมากสามารถลงไปถึงถุงลม ปอด และอาจมีบางส่วนที่สามารถผ่านเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตได้ โดยทั่วไปร่างกายของมนุษย์จะรับรู้ได้ว่า ฝุ่น PM2.5 เป็นสิ่งแปลกปลอมของร่างกาย และจะก่อสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ(Inflammation) รวมถึงอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกายขึ้น ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของระบบต่างๆ ได้แก่ ระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาทและสมอง

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า โดยจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดผลกระทบต่อสุขภาพจะสูงขึ้นในบุคคลบางกลุ่ม ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมในที่โล่งแจ้ง ซึ่งเสี่ยงต่อการสัมผัสมลพิษทางอากาศ เช่น ตำรวจจราจร พนักงานทำความสะอาดถนน คนขับรถรับจ้างประเภทสามล้อเครื่อง คนขับรถจักรยานยนต์ และแม่ค้าหาบเร่แผงลอย เป็นต้น 

ทั้งนี้จึงขอแนะนำให้ประชาชนปฏิบัติตน ดังต่อไปนี้

1) ติดตามรายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศในพื้นที่ จากข้อมูลค่าตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษทางเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน Air4thai เลี่ยงกิจกรรมบางชนิดในพื้นที่เสี่ยง เมื่อพบว่ามีค่าฝุ่นสูงในระดับสีส้มหรือสีแดง (มีปริมาณ PM2.5 มากกว่า 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)

2) ควรงดกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่น ลดการเผากลางแจ้ง หรือการเผาขยะ ปิดประตู ปิดหน้าต่าง ทำความสะอาดจุดต่างๆ ในบ้านด้วยผ้าชุบน้ำแทนการกวาด และเปิดพัดลมให้ระบายอากาศ หมั่นเช็คสภาพรถ ตรวจควันดำ เปิดระบบหมุนเวียนอากาศในรถ หรือใช้บริการรถโดยสารสาธารณะมากขึ้น

3) สวมหน้ากากป้องกันให้แนบกระชับใบหน้า โดยใส่หน้ากากทิชชู่ 1 แผ่นพับครึ่งสอดไว้ใต้หน้ากาก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน และหากต้องออกจากบ้านในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูง ควรเลือกหน้ากากกรองอากาศ ชนิด N95 ที่สามารถป้องกัน ฝุ่นขนาดเล็ก PM10 และ PM 2.5 แก๊สไอระเหยต่างๆ ได้ เพื่อป้องกันตนเอง

4) เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย

“ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสภาพอากาศและมลภาวะก่อนออกจากบ้าน หลีกเลี่ยงการปฏิบัติงานติดต่อกันเป็นเวลานานในพื้นที่ที่สถานการณ์คุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้งและหากมีอาการไอ หายใจลำบาก เคืองตา ควรลดกิจกรรมกลางแจ้ง” นพ.โอภาส กล่าว