

- เผยสิ่งน่าห่วง ผู้ปกครองเริ่มอนุญาตให้เด็กใช้สื่อตั้งแต่อายุเพียง 2-3 ปี
- พบห่วงเยาวชนรู้ไม่เท่าทัน-ขาดทักษะวิเคราะห์สร้างสรรค์-ถูกแกล้ง
- พร้อมชง กระทรวงศึกษา-โรงเรียน-ผู้ปกครอง สร้างสิ่งแวดล้อมเอื้อการเข้าถึงสื่อสุขภาวะ
วันนี้ (13 พ.ค.64) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และสถาบันสื่อเด็กและเยาวชน (สสย.) และจัดการประชุมเพื่อนำเสนอผลการวิจัย ภายใต้โครงการการศึกษาการใช้สื่อดิจิทัลของเด็กและเยาวชนไทยในอนาคต และข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ดร.นพ. ไพโรจน์ กล่าวว่า สสส. ได้สานพลังร่วมกับ สสย. และคณะนิเทศศาสตร์ นิด้า ทำการสำรวจการใช้สื่อดิจิทัลของเด็กและเยาวชนไทยในอนาคต เดือน ม.ค. 2564 มีกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มเด็กมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1-6 อายุ13-19 ปี รวม 542 คน และ 2.กลุ่มผู้ปกครองที่มีบุตรหลานศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1–6 อายุ 6-12 ปี รวม 403 คนผลสำรวจพบว่า กลุ่มเด็กมัธยมมีการเปิดรับสื่อมากถึงวันละ 6-8 ชั่วโมง โดยเป็นการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษา61% ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการเข้าสื่อสังคมออนไลน์ เล่นเกม และติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น 39% ที่น่าห่วงคือ ผู้ปกครองส่วนใหญ่ เริ่มอนุญาตให้เด็กใช้สื่อตั้งแต่อายุเพียง 2-3 ปี เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าเด็กรุ่นใหม่ มีการเริ่มต้นใช้สื่อที่อายุน้อยลง ขณะเดียวกันเนื้อหาสื่อยังมีช่องว่างในการพัฒนาเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ด้านบวกให้กับเด็กเยาวชน
“ผลการสำรวจนี้ สสส. และภาคีเครือข่าย จะนำไปพัฒนาระบบนิเวศสื่อ ผลิตสื่ออย่างมีความผิดชอบต่อเด็ก กระตุ้นให้เด็กไทยเกิดความฉลาดทางดิจิทัล สามารถใช้สื่อได้อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ สู่การพัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วย 3 ทักษะ คือ 1.ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม ได้แก่ ความคิดสร้างสรรค์ สมรรถนะด้านการคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ไขปัญหา การสื่อสารและการประสานความร่วมมือ 2.ทักษะด้านข้อมูล สื่อ และเทคโนโลยีคือ การรู้เท่าทันสื่อ และ 3.ทักษะชีวิตและการทำงาน ได้แก่ ยืดหยุ่นและปรับตัวได้ รวมถึงริเริ่มและการกำหนดเป้าหมายในชีวิตให้ตัวเองได้” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว
ด้าน ศ.ดร.ยุบล เบ็ญจรงค์กิจ คณบดีคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) กล่าวว่า ผลสำรวจการใช้สื่อดิจิทัลของเด็กและเยาวชนไทยในอนาคต ยังพบว่า ผู้ปกครองอนุญาตให้ลูกใช้สื่อออนไลน์วันละ 1-3 ชั่วโมง สูงถึง 77.67% รองลงมา คือ 4-6 ชั่วโมง 16.13% และ 7 ชั่วโมงขึ้นไป 11.91% โดยพบว่า ยิ่งเด็กและเยาวชนยิ่งโตมากขึ้น หรืออยู่ในระดับการศึกษาที่สูงขึ้น ก็จะใช้สื่อออนไลน์นานขึ้น ปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาคือ การขาดประสบการณ์ การอยู่ในวัยที่ใจร้อน การขาดสื่อคุณภาพดี พ่อแม่ผู้ปกครอง โรงเรียน ขาดความรู้ความเข้าใจในการดูแล ส่งผลกระทบในทางลบที่เกิดกับเด็กและเยาวชน ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เช่นสายตาสั้น สมาธิสั้นการควบคุมอารมณ์ อาการซึมเศร้า รวมไปถึงการดำเนินชีวิต
ทั้งนี้จากสถานการณ์ดังกล่าว นิเทศฯนิด้า จึงร่วมกับ สสส. และภาคีเครือข่าย พัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการเพื่อส่งเสริมการใช้สื่อดิจิทัลของเด็กไทย คือ 1.กระทรวงศึกษาธิการ ควรจัดทำค่ายเพื่อปลูกจิตสำนึกเยาวชน จัดทำสื่อเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์2.โรงเรียน ควรจัดทำแผนการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการเรียนการสอนของนักเรียน
3.ผู้ปกครอง ควรจัดสภาพแวดล้อมของบ้านให้มีการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ ผลักดันให้เยาวชนเกิดความคิดริเริ่มสิ่งใหม่ และก่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพตนเองได้ หากทำได้สำเร็จ จะเป็นแนวทางที่จะเสริมสร้างศักยภาพของเด็กและเยาวชนไทยให้มีทักษะการเป็นผู้ใช้และสร้างสรรค์สื่อที่มีความรอบรู้ เท่าทัน และช่วยเสริมสร้างศักยภาพความรู้ทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 นำไปสู่การเป็น ‘พลเมืองตื่นรู้และนักสื่อสารสุขภาวะ’ ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ควบคู่ไปกับการร่วมสร้างระบบนิเวศสื่อสุขภาวะให้สื่อออนไลน์เป็นพื้นที่สื่อที่สร้างสรรค์