โควิดทำหัวหินระส่ำ! หลังพบแรงงานโรงงานสับปะรดติดเชื้อ 115 คน สั่งปิดพื้นที่เรียกกักตัวอีก 402 คน



วันนี้ (8 พ.ค.64) นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยถึงกรณีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในโรงงานสับปะรดกระป๋องบริษัท ควอลิตี้ ไพน์แอปเปิ้ล โปรดักส์ ริมถนนบายพาสชะอำ-ปราณบุรี หมู่ที่ 3 บ้านหนองนกน้อย ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน ตรวจพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนเป็นคลัสเตอร์ใหม่ พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 จำนวนมากในกลุ่มลูกจ้างชาวพม่าล่าสุดได้รับรายงานว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในโรงงานฯ จำนวน 115 คน โดยขณะนี้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวหินแล้ว พร้อมยืนยันว่าไม่มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามภายในโรงงานสับปะรด แต่มีการจัดสถานที่สำหรับการกักตัวในโรงงาน

“พนักงานในโรงงาน 593 คนนั้น มีพนักงานรายเดือนคนไทย 53 คน พนักงานรายวัน 540 คน แต่เป็นชาวพม่า 523 คนหลังการคัดกรองพบว่าเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ต้องกักตัวในโรงงานทั้งหมด 402 คน แบ่งเป็นผู้ที่อยู่ในบ้านพักของโรงงานแล้ว 202 คน รวมถึงต้องเรียกคนงานจากหลายพื้นที่เข้ามากักตัวเพิ่มอีก 200 คน โดยห้ามบุคคลใดที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าออกภายในสถานที่กักตัวผู้มีความเสี่ยงสูงอย่างเด็ดขาด ยกเว้นหากผู้กักตัวมีอาการเจ็บป่วยต้องนำส่งโรงพยาบาลหรือยกเว้นเฉพาะเจ้าหน้ารับส่งอาหารเท่านั้น ซึ่งอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมงสำหรับการกักตัวกำหนดถึงวันที่ 20 พ.ค.นี้” นายกิตติพงศ์ กล่าว

ด้านนายปัญญา กอนใย ผู้ใหญ่บ้านหนองนกน้อย หมู่ 3 ต.หินเหล็กไฟ กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 ในแรงงานพม่ามากว่า 100 คนอาจจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่อง ซึ่งก็มีความหวั่นวิตกจะเข้ามาแพร่เชื้อในชุมชนหมู่บ้านทั้งที่ใกล้โรงงานและหมู่บ้านในตำบลหินเหล็กไฟ เนื่องจากแรงงานมีการเคลื่อนย้ายเดินทางไปมาและมีการติดเชื้อโควิด-19 ผ่านมาหลายวัน โดยโรงงานฯแห่งนี้มีพนักงานทั้งพม่าและคนไทย 

อย่างไรก็ตามขณะนี้ ได้ติดตามข้อมูลจากหน่วยงานราชการ เพื่อแจ้งเตือนประชาชน สร้างความเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงงานสับปะรด เพื่อให้ชาวบ้านมีความเข้าใจ ช่วยกันป้องกันตนเอง พร้อมเน้นย้ำให้ทุกครัวเรือนอยู่แต่บ้านเท่านั้น

พ.ต.อ.ฉัตรไชย เรียนเมฆ อดีตรองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ประจวบคีรีขันธ์ อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองหัวหินก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า หลังจากโควิด-19 ระบาดอย่างหนักในพื้นที่ อ.หัวหิน จากสถานบริการหลายแห่ง ตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. 2564 ก็ได้สร้างความเสียหายอย่างหนัก ทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยวและประชาชนได้รับผลกระทบ ขอทราบความคืบหน้าจากผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ กรณีการดำเนินการกับเจ้าของสถานบริการที่เป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาดครั้งนี้ ซึ่งเนื่องมาจากการฝ่าฝืนคำสั่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดในการป้องกันการติดต่อของเชื้อโควิด-19 เพราะถึงเวลานี้ ยังไม่มีความคืบหน้าในการจัดการกับต้นเหตุการระบาด มีแต่การนำเสนอความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ เนื่องมาจากการเห็นแก่ได้ของเจ้าของสถานบริการ 2-3 แห่ง