10 เทคนิคการตากผ้าในหน้าฝนและช่วงที่มีอากาศชื้นจากผู้เชี่ยวชาญ

ฤดูฝนอาจเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับสวนของคุณเพราะคุณไม่ต้องรดน้ำต้นไม้ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องของการ “ตากผ้า” ในช่วงฤดูฝน มันอาจไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่

การตากผ้าอาจกลายเป็นเรื่องยาก และเสื้อผ้าอาจมีกลิ่นอับ หรือแม้แต่ทำให้เกิดความชื้นและเชื้อราในบ้านของคุณ ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของผู้คนในบ้านของคุณด้วย 

เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เราได้รวบรวมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยให้การตากผ้าของคุณแห้งเร็วมากยิ่งขึ้น

1. การตากผ้าในที่ร่ม

สิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำในช่วงฤดูฝน! เปลี่ยนห้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีอากาศถ่ายเทมากที่สุดของคุณเป็นห้องตากผ้า หากมีแสงธรรมชาติส่องเข้าถึงจะช่วยเร่งกระบวนการตากแห้งได้ดีมากยิ่งขึ้น ควรปิดหน้าต่างเพื่อป้องกันความชื้นจากภายนอก แต่เปิดประตู (ที่อยู่ภายในบ้าน) เพื่อให้ความชื้นสามารถออกไปได้ หากห้องของคุณไม่มีหน้าต่าง เราขอแนะนำให้เปิดไฟทิ้งไว้เพื่อช่วยป้องกันเชื้อราที่ไม่พึงประสงค์ 

2. เว้นพื้นที่ให้เพียงพอตากผ้า

คุณไม่ควรแขวนเสื้อผ้าติดกันจนแน่น แต่ควรเว้นพื้นที่ให้อากาศไหลเวียนได้เพื่อให้ผ้าแห้งเร็วยิ่งขึ้น 

3. บิดก่อนตากผ้า

บิดผ้าให้หมาดก่อนที่คุณจะแขวนผ้า ความชื้นสามารถอยู่ในผ้าได้ไม่ว่าคุณจะใช้เครื่องซักผ้าหรือซักด้วยมือก็ตาม ฉะนั้นคุณควรบิดผ้าหลาย ๆ ครั้งเพื่อไล่ความชื้นออกให้ได้มากที่สุด คุณอาจบิดผ้าที่อ่างล้างจานหรืออ่างอาบน้ำที่มีท่อระบายน้ำ หรือใช้วิธีม้วนผ้าในผ้าขนหนูเพื่อบิดน้ำส่วนเกินออก 

4. วิธีป้องกันตากผ้าไม่ให้เสื้อผ้ามีกลิ่นอับชื้น

กลิ่นอับชื้นกำลังทำให้คุณรู้สึกกังวล? ลองใช้เคล็ดลับการบิดน้ำตามที่กล่าวข้างต้น รวมถึงใช้การปั่นหมาดด้วยรอบที่สูงที่สุดของเครื่องซักผ้าเพื่อรีดน้ำออกให้ได้มากที่สุด 

โปรดจำไว้ว่าหลักการสำคัญคือการตากผ้าให้แห้งเร็วที่สุด หากผ้าแห้งช้าจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้เกิดกลิ่นอับ หากคุณกำลังประสบปัญหานี้อยู่ ไม่ต้องกังวล เพียงซักเสื้อผ้าของคุณอีกครั้งด้วยสารกำจัดกลิ่นจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันหอมระเหย น้ำส้มสายชู หรือเบกกิ้งโซดา เพียงเท่านี้เสื้อผ้าของคุณก็จะกลับมาหอมสดชื่นอีกครั้ง 

5. สถานที่ที่ควรหลีกเลี่ยงในการตากผ้า 

การตากผ้าใกล้หน้าต่างในช่วงฤดูฝนอาจทำให้ผ้าแห้งช้ากว่าเดิมเนื่องจากความชื้นที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการวางเสื้อผ้าไว้ใกล้เครื่องปรับอากาศ แม้ว่ามันอาจทำให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น แต่สภาพอากาศที่ชื้นสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของเชื้อราภายในเครื่องปรับอากาศได้ และอาจนำแบคทีเรียมาสู่เสื้อผ้าของคุณ ข้อสุดท้าย  ไม่ควรใช้ราวม่านเป็นราวตากผ้าชั่วคราว เนื่องจากอาจมีฝุ่นละอองและอาจสัมผัสกับสภาพแวดล้อมภายนอก 

6. จัดลำดับความสำคัญของการซักเสื้อผ้าตามสิ่งที่คุณต้องการสวมใส่มากที่สุด 

เมื่อต้องเผชิญกับฝนหรือความชื้น คุณควรจัดลำดับความสำคัญของเสื้อผ้าที่คุณซัก ซึ่งจะทำให้คุณมีพื้นที่ตากผ้าเพิ่มมากขึ้นและมั่นใจได้ว่าชุดที่สำคัญที่สุดของคุณแห้งทันเวลา 

7. สร้างการไหลเวียนอากาศ 

เร่งกระบวนการตากแห้งด้วยอากาศที่ไหลเวียน! หากคุณตากผ้าในที่ร่ม ให้จำลองสภาพอากาศที่อบอุ่นและมีลมโกรกเพื่อเร่งกระบวนการตากแห้ง รวมถึงป้องกันความอับชื้นและเชื้อรา คุณสามารถใช้พัดลมเป่าเสื้อผ้าที่แขวนอยู่เพื่อสร้างการไหลเวียนของอากาศ หรือใช้พัดลมเพดานก็ได้ หากมี นอกจากนี้ ไดร์เป่าผมอาจช่วยคุณได้เช่นกัน แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ไดร์เป่าผมกับผ้าที่บอบบางเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหาย 

8. รีดผ้าของคุณหลังตากผ้า

รีดผ้าของคุณให้แห้งสนิทด้วยเตารีด ในบางครั้งบางส่วนของผ้าอาจยังมีความชื้นหลงเหลืออยู่แม้ว่าจะตากผ้าในที่ร่มแล้วก็ตาม คุณควรรีดผ้าเพื่อดึงเอาความชื้นที่เหลืออยู่ออกให้หมดเพื่อทำให้เสื้อผ้าของคุณแห้งสนิทและพร้อมสำหรับการสวมใส่ 

9. การทำให้แห้งด้วยการแช่แข็ง 

คุณเคยนึกถึงวิธีการทำให้ผ้าแห้งด้วยการแช่แข็งหรือไม่? หากคุณกำลังเผชิญกับความชื้นและต้องการวิธีแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว ลองนำเสื้อผ้าของคุณใส่ลงในถุงพลาสติกแล้วนำไปวางไว้ในตู้เย็น จากนั้นทิ้งไว้ข้ามคืนเพื่อทำให้ผ้าแห้งด้วยการแช่แข็งและเพื่อให้แน่ใจว่าผ้าส่วนใหญ่จะออกมาแห้งดี เมื่อคุณนำผ้าออกจากตู้เย็น ให้นำไปรีดเพื่อไล่ความชื้นที่อาจค้างอยู่และเพื่อป้องกันกลิ่นอับชื้น แม้ว่าเทคนิคนี้อาจดูน่าสนใจ แต่สิ่งสำคัญคือต้องใช้ความระมัดระวังและควรอ่านคำแนะนำที่ระบุในป้ายบนเสื้อผ้าเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น 

10. ต้นไม้ในบ้านช่วยลดการควบแน่นและเชื้อรา 

ต้นไม้ในบ้านสามารถเป็นตัวช่วยที่ดีให้กับคุณ มันไม่เพียงแต่ให้ความสวยงามเท่านั้น แต่ต้นไม้บางชนิดยังช่วยปกป้องบ้านของคุณจากเชื้อราได้อีกด้วย พืชสามารถเป็นตัวลดความชื้นตามธรรมชาติได้เนื่องจากสามารถดูดซับน้ำทางใบและปล่อยความชื้นออกมา เช่น เดหลีและเศรษฐีเรือนใน 

และคุณสามารถหาต้นไม้ที่เหมาะกับบ้านของคุณด้วย Plant Calculator ได้ที่นี่ เพียงตอบคำถามเกี่ยวกับบ้านและไลฟ์สไตล์ของคุณเพื่อเริ่มทำการคำนวณผลลัพธ์และค้นหาต้นไม้ที่เหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุด 

ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดภายในได้รวบรวมเทคนิคเหล่านี้ไว้: https://www.cleanipedia.com/th/home.html