- “พิพัฒน์”เผยอาจมีการจุดพลุฉลอง แต่ให้ดูอยู่บ้าน
- จ่อเปิดจองห้องพักเราเที่ยวด้วยกัน 1 ล้านคืนก่อนปีใหม่
- คนที่จองและจ่ายเงินแล้ว ไม่อยากเดินทางให้เลื่อนได้
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ขณะนี้การพิจารณาเรื่องการยกเลิกเคาต์ดาวน์ ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ของแต่ละจังหวัดยังไม่ชัดเจน เช่นที่ตนเองต้องไปร่วมงานเคาต์ดาวน์ที่ จ.กระบี่ ก็ยังไม่แน่ใจว่ายังจัดอยู่หรือไม่ แต่ที่กรุงเทพฯในจุดใหญ่ๆ ที่จะมีการรวมตัวของคนจำนวนมาก เช่น ไอคอนสยาม และเซ็นทรัลเวิล์ด ทราบว่าแจ้งยกเลิกคอนเสิร์ตแล้ว อาจจะยังมีการจุดพลุอยู่แต่ก็ขอให้คนดูอยู่ที่บ้านแทน ไม่ต้องมารวมกลุ่มกัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันหยุดปีใหม่ หากใครที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยว ก็สามารถทำได้อยู่ แต่ต้องระวังตัวเองและขอให้มั่นใจว่าระบบสาธารณสุขของประเทศไทยจะจำกัดการระบาดได้อย่างรวดเร็ว เช่นที่เห็นแล้วใน จ.เชียงราย หรือที่จ.สมุทรสาคร แม้จะมีการติดเชื้อในจังหวัดอื่นๆ ก็มีจังหวัดละไม่กี่ราย ยังสามารถติดตามต้นทางได้
นอกจากนั้นในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ จะหารือกับนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เพื่อพิจารณาเปิดให้จองห้องพักในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เพิ่มเติมอีก 1 ล้านคืน ซึ่งได้เลื่อนมาจากวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากพบพฤติกรรมทุจริตในการร่วมโครงการ แต่เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยว จะได้ใช้สิทธิในโครงการได้ก่อนถึงวันขึ้นปีใหม่นี้ ส่วนของผู้ที่จองห้องพักไปแล้ว และจ่ายเงินไปแล้ว แต่กังวลเรื่องการเดินทางจากที่พบผู้ติดเชื้อโควิดในหลายจังหวัดและอยากเลื่อนเวลาการเข้าพักออกไป นายกฯได้มอบหมายให้ตนเองหารือกับสมาคมโรงแรมและกระทรวงการคลังเพื่อไม่ให้เกิดการร้องเรียนว่าถูกยึดเงินที่จ่ายไปแล้ว 60% ล่าสุดจากการหารือกับสมาคมโรงแรมมีความเห็นร่วมกันว่า พร้อมเปิดให้เลื่อนการเดินทางได้ 6-12 เดือน เรื่องนี้กระทรวงการท่องเที่ยวจะไปแจ้งทางกระทรวงการคลังให้รับทราบอีกครั้ง เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การเลื่อนการเดินทางออกมาให้ชัด เพราะโครงการนี้ใช้เงินกู้ซึ่งใช้ได้ถึงวันที่ 30 ก.ย.2564 ส่วนการตรวจสอบการทุจริตในโครงการ ตอนนี้ขอให้เป็นขั้นตอนการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน และเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ททท.ตัดสินใจยกเลิกกการจัดงานเคาต์ดาวน์ ที่ ททท.เป็นแม่งานในการจัดที่ จ.เชียงใหม่ ส่วนงานอื่นๆ ในพื้นที่ต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับภาคเอกชนจะตัดสินใจ เพราะททท.เป็นเพียงผู้ให้การสนับสนุน
