“ไพรินทร์”ดันเปิดประเทศไทยก่อนเศรษฐกิจพังแบบตึกถล่ม

.หวั่นดันจีดีพีปีเดียวสูญ 1.7 ล้านล้านบาท

.ให้ข้อคิด “ชนะการรบ แต่แพ้สงครามไม่ได้”

.เตือนเสียฮับการบินให้เพื่อนบ้าน

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการบริหารเศรษฐกิจ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องเดินหน้าเปิดประเทศในระดับควบคุมการระบาดของโควิดได้ เพราะแม้ว่าจะมีการคลายล็อคดาวน์ 6 ครั้งแต่ตราบใดที่ยังไม่เปิดประเทศก็ไม่สามารถผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ดีขึ้นมาได้ เพราะจีดีพีตลอดปีนี้ที่จะติดลบ 8-10% หมายถึงมูลค่าจีดีพีที่จะหายไป 1.5-1.7 ล้านล้านบาท ภายในปีเดียว ทั้งที่กว่าจะสะสมจีดีพีได้ 1 ล้านล้านบาท ใช้เวลาถึง 10 ปี สถานการณ์ตอนนี้เปรียบเหมือนคนที่อยู่ตึกชั้นบน คนที่เป็นข้าราชการ ได้รับเงินเดือนเท่าเดิมอาจไม่รู้สึกอะไร แต่คนที่อยู่ตึกชั้นล่างกำลังจะตาย หากรอคนข้างบนรู้สึก ทั้งตึกคงถล่มไปแล้ว เป็นเหตุผลหนึ่งที่รัฐบาลต้องทำโครงการคนละครึ่ง ให้คนละดับล่างมีเงินหมุนทุกวัน และทำให้ความมั่นใจและการบริโภคกลับขึ้นมาได้


“ตอนนี้เรื่องท่องเที่ยวมีความสำคัญ หากไม่เปิดประเทศ จีดีพีจะขยายตัวยากเพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวและส่งออกเป็นหลัก ผมกังวลใจว่า ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 หรือ 70-80 ปีมาแล้วที่ไทยมีสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคอาเซียน แต่ถ้าเราปิดสนามบินไปนานๆ เราอาจเสียการเป็นศูนย์กลางการบินให้เวียดนามหรือสิงคโปร์ เหมือนที่ญี่ปุ่นได้เสียศูนย์กลางการบินให้กับเกาหลีใต้ ฉะนั้นเราต้องค่อยๆผ่อนคลาย”


นายไพรินทร์ กล่าวว่า แรกๆ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)ควบคุมไม่ให้การติดเชื้อโควิดพุ่งเยอะจากที่ไทยเคยมีผู้ติดเชื้อเป็นร้อยคน ทำได้ดีมากจนผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ เลยคิดว่ามีผู้ติดเชื้อไม่ได้ แต่การไม่มีผู้ติดเชื้อเลยโดยการปิดประเทศทำให้เศรษฐกิจตกลงลึกมาก เราจะชนะการรบ แต่แพ้สงครามไม่ได้ เราต้องชนะทั้งคู่ และเราต้องไม่เป็นเหยื่อความสำเร็จของตัวเอง เราเป็นชาวพุทธต้องเดินสายกลาง อย่างไรก็ตาม การเปิดประเทศต้องทำอย่างระมัดระวัง และจังหวะเวลาในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้มีความสำคัญ เที่ยวบินต่างๆ จะต้องวางแผนทำตารางการบินมายังประเทศปลายทาง ดังนั้น หากประเทศไทยไม่เปิดประเทศ เที่ยวบินต่างๆ จะหายไปหมด และถ้าเปิดช้าว่านั้นก็คงไม่ทันการแล้ว


“ไตรมาส 2 ที่ผ่านมาการล็อกดาวน์ประเทศ ทำให้จีดีพีติดลบ 12.2% เปรียบเหมือนคนโดยรถชน จะต้องเอาคนไข้ขึ้นรถกู้ชีพไปส่งโรงพยาบาลในปี 2564 ให้ได้ โดยหัวใจต้องเต้นอยู่ แต่หากเศรษฐกิจเลวร้ายลงอีก กว่าจะไปถึงปี 2564 ก็เหมือนหัวใจคนไข้หยุดเต้น ฉะนั้น การทำงานของศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ หรือ ศบศ.ต้องช็อตหัวใจเพื่อพาคนไข้ไปให้ถึงปี 2564 และเข้าสู่การบริหารราชการตามปกติ การเปิดประเทศจะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวแบบตัววีให้ได้ หรือเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เติบโตแบบตัวแอล ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจแน่นอน”


นายไพรินทร์ กล่าวว่า เงื่อนไขการเปิดให้นักท่องเที่ยวหรือนักธุรกิจเข้ามาในประเทศไทย มีหลักเกณฑ์ซ้ำซ้อนมากไปหรือไม่ เพราะให้ตรวจโควิด 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง มาถึงก็ต้องตรวจอีก และระหว่างกักตัว 14 วันก็ต้องตรวจ จริงๆ ถ้าไม่มั่นใจจะให้มีตรวจก่อนเดินทางทำไม ก็ให้มาตรวจมาในไทยเลย การกำหนด 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางทำให้เดินทางวันจันทร์ไม่ได้อีก เพราะติดวันเสาร์ -วันอาทิตย์