

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับองค์กรการประมงเพื่อความยั่งยืน Sustainable Fisheries Partnership (SFP) หรือองค์กรที่ปกป้องสายพันธุ์สัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ ถูกคุกคามและถูกคุ้มครอง เพื่อเดินหน้าพัฒนาความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทและขับเคลื่อนการพัฒนาดังกล่าวไปยังอุตสาหกรรมอาหารทะเลต่อไป
ทั้งนี้ข้อตกลงกับ SFP จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องระบบนิเวศทางทะเลและสัตว์น้ำที่อุดมสมบูรณ์ รวมถึงการจัดหาอาหารทะเลที่ปลอดภัยจากการสร้างเศรษฐกิจที่มีความรับผิดชอบในอุตสาหกรรมอาหารทะเล โดยจะมีการตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานของไทยยูเนี่ยนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนจะยังคงเข้าร่วมการประชุมกับ SFP ในประเด็นที่มีความสำคัญต่อห่วงโซ่อุปทานของบริษัท
ทั้งนี้ในปัจจุบัน SFP มีบริษัทต่างๆ ที่ร่วมเป็นพันธมิตรในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในการทำประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำด้วยพัฒนาห่วงโซ่อุปทานเดิมที่มีอยู่ การร่วมมือของ SFP และไทยยูเนี่ยนจะช่วยขยายการทำงานในด้านดังกล่าว ในฐานะที่ไทยยูเนี่ยนเป็นตัวอย่างของบริษัทอาหารทะเลชั้นนำที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง
โดยการเป็นพันธมิตรร่วมกับ SFP จะทำให้ไทยยูเนี่ยนสามารถเข้าร่วมในโครงการเปิดเผยข้อมูลเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเล (Ocean Disclosure Projects: ODP) ได้อย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะถึงข้อมูลห่วงโซ่อุปทานและความยั่งยืนผ่านโครงการนี้
นายอดัม เบรนนัน ผู้อำนวยกลุ่มการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน กล่าวว่า ไทยยูเนี่ยนมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ ความร่วมมือกับ SFP ในครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันความมุ่งมั่นตั้งใจของเราได้เป็นอย่างดี สิ่งที่สำคัญในการร่วมมือในครั้งนี้คือการที่ไทยยูเนี่ยนจะสามารถใช้ระบบ Seafood Metrics ของ SFP ในการประเมินความยั่งยืนของแหล่งที่มาของอาหารทะเล และสามารถเข้าใจและประเมินศักยภาพในการทำงานด้านความยั่งยืนในปัจจุบันของบริษัทได้ดียิ่งขึ้น เพื่อปรับปรุงการทำงานของบริษัทต่อไป”
น.ส.แคธริน โนวัค ผู้อำนวยการด้านการตลาดทั่วโลก องค์กร SFP กล่าวว่า ที่ SFP เรากำลังทำงานเพื่อให้โลกมีท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ อาหารทะเลทุกชนิดถูกผลิตด้วยวิธีการที่ยั่งยืน และทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารทะเลที่ยั่งยืนได้ พันธกิจของ SFP มีความสอดคล้องกับโครงการ SeaChange® ของไทยยูเนี่ยน ความร่วมมือครั้งนี้จะผลักดันให้การทำงานของทั้งสองฝ่ายบรรลุเป้าหมายในการดูแลท้องทะเลให้อุดมสมบูรณ์ และการมีอาหารทะเลที่ยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ระบบ Seafood Metrics ของ SFP จะทำให้ไทยยูเนี่ยนสามารถปรับปรุงการติดตาม ความโปร่งใสและการตรวจสอบย้อนกลับในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง โดยระบบดังกล่าวจะทำให้ไทยยูเนี่ยนสามารถประเมินและติดตามห่วงโซ่อุปทานของการจับแบบธรรมชาติและแบบเพาะเลี้ยงทั่วโลกที่บริษัทใช้จัดหาให้กับธุรกิจที่ยุโรป อเมริกา และเอเชีย ระบบ Seafood Metrics จะรวบรวมและติดตามข้อมูลเกี่ยวกับด้านธรรมาภิบาลเป้าหมายความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งทรัพยากร ความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในแหล่งการทำประมงของบริษัท นอกจากนี้ตัวชี้วัดด้านความยั่งยืน เช่น การรับรอง การประเมินความเสี่ยงในงานด้านสิทธิมนุษยชน การประเมินขององค์การนอกภาครัฐ และการตรวจสอบย้อนกลับซึ่งจะรวมอยู่ในการติดตาม
อีกทั้งการดำเนินการอื่นๆ ภายใต้ความร่วมมือนี้จะรวมถึงการตรวจสอบสัตว์น้ำพลอยได้จากห่วงโซ่อุปทานของไทยยูเนี่ยน การจับสัตว์น้ำพลอยได้เป็นการจับสัตว์น้ำสายพันธุ์อื่นที่ไม่ใช่เป้าหมายของการจับติดขึ้นมาด้วยโดยไม่ได้ตั้งใจซึ่งการจับในลักษณะนี้เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่สุดที่ส่งผลกระทบต่อความยั่งยืนทางชีวภาพของการทำประมงทางทะเล ด้วยการประเมินผลกระทบของห่วงโซ่อุปทานต่างๆ เหล่านี้ บริษัทจะสามารถจัดการต่อไปได้